การเดินล่อเป้าที่คสช.ต้องคิดหนัก #ชกไม่มีมุม
โดย วงค์ ตาวัน
การเดินล่อเป้าที่คสช.ต้องคิดหนัก – ตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมา สภาพเศรษฐกิจการค้าในบ้านเมืองเราเป็นเช่นไร ประชาชนคนไทยที่มีฐานะปานกลางลงมาถึงระดับล่าง ทั้งกลุ่มที่มีรายได้แค่พออยู่พอกิน ไม่ได้มีเหลือเฟือ ลงไปถึงคนหาเช้ากินค่ำ ล้วนรู้ดีว่า มีปัญหามากมายขนาดไหน
ธุรกิจส่วนใหญ่ประสบภาวะขาดทุน จะมีเพียงยักษ์ใหญ่ไม่กี่ราย ที่มีผลกำไรพันล้านหมื่นล้าน
เป็นผลกระทบจากการเมืองที่ไม่ปกติโดยตรง ส่งผลให้ถูกโลกกีดกันรังเกียจ การค้าข้ามชาติ การลงทุนขนาดใหญ่ เลยชะงักไปหมด!
เพราะไม่รักษาประชาธิปไตยเอาไว้ ก็ต้องยากลำบากทางเศรษฐกิจอย่างเลี่ยงไม่ได้
ที่น่าตกใจ ก็กลุ่มธุรกิจสื่อที่โถมทุ่มไปร่วมเป่านกหวีดเองด้วยซ้ำ ที่ต้องดึงทุนใหญ่เข้ามาเทกโอเวอร์ตั้งแต่หลังการรัฐประหารผ่านไปไม่นาน
ดูกันง่ายๆ ทุกเย็นค่ำระหว่างเดินทางกลับบ้าน ผ่านร้านอาหารตามถนนสายต่างๆ
เหลือลูกค้าแค่โต๊ะสองโต๊ะ เงียบเหงาซบเซาไปตามๆ กัน
จะยกเว้นก็เฉพาะร้านที่มีลูกค้าระดับเศรษฐีมีตังค์เท่านั้น ที่ยังแน่นหนาตาอยู่
เพราะฉะนั้นเสียงตะโกนจาก 2 ข้างถนนระยะนี้ ที่แสดงความไม่พอใจว่าประเทศชาติพังเสียหาย การค้าฝืดเคือง
แม้จะมีคนตอบโต้กลับว่า เขาจ้างคุณมาเท่าไร
แต่คนส่วนใหญ่รู้ดีว่านั่นคือความจริงในตลอด 4-5 ปีนี้ ที่ทุกคนรับรู้ได้ ตบกระเป๋าสตางค์ตัวเองก็รู้ชัด
ไม่ต้องมีใครมาจ้างให้พูด คนส่วนใหญ่ก็พูดกันไปทั่วทุกหัวระแหงอยู่แล้ว บ่นกันพึมพำอยู่ทุกเช้าเย็นว่าเศรษฐกิจไม่ดีจริงๆ
ขนาดคณะที่กำลังเตรียมการเดินเกมเลือกตั้งเพื่อสนับสนุนหัวหน้าคสช.ให้กลับมาเป็นนายกฯ ยังตระหนักดีในประเด็นนี้
จึงเร่งระดมแก้เศรษฐกิจในช่วงโค้งสุดท้ายทุกทาง เพื่อให้ชาวบ้านรู้สึกพึงพอใจมากขึ้น
ไม่เช่นนั้นชาวบ้านเขาจะตัดสินใจเช่นไรในวันเดินเข้าคูหากาคะแนน
จะเลือกพรรคที่ทำให้ประชาธิปไตยล้ม เลือกพรรคที่เชื่อมโยงกับคณะรัฐประหารได้หรือ!?
จึงน่าคิดสำหรับทีมงานที่ปรึกษาของคสช. ควรนำประเด็นนี้ตีความกันให้จงหนัก
การปล่อยให้คนที่ถูกชาวบ้านมองว่าคือคนนี้แหละคือต้นเรื่องทั้งหมด
ออกมาเดินโชว์ ออกมาเคลื่อนไหวอย่างเข้มข้นในช่วงโค้งสุดท้ายแบบนี้
จะกลายเป็นการ “ล่อเป้า” เป็นการ“ท้าทาย”อารมณ์ความรู้สึกของสังคม ไปเสียมากกว่าหรือไม่
สุดท้ายจะส่งผลกระทบต่อผลคะแนนเลือกตั้งของฝ่ายตนเองไปในที่สุด!
อ่านคอลัมน์ชกไม่มีมุมเรื่องอื่น