ชกไม่มีมุม : พลังประชารัฐ ยิ่งใหญ่กว่าจริงๆ
ชกไม่มีมุม : พลังประชารัฐ ยิ่งใหญ่กว่าจริงๆ – คงเป็นดังคำกล่าวของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ระบุว่า การก่อเกิดของพรรคพลังประชารัฐในวันนี้ ยิ่งใหญ่กว่าตอนเปิดพรรคไทยรักไทย ที่นายสุริยะเคยอยู่ในอดีตเสียอีก ซึ่งภาพที่ปรากฏให้เห็นต่อสายตาเราๆ ท่านๆ ในวันนี้ ยืนยันคำกล่าวนี้ได้จริงๆ
อดีตส.ส.จากหลายพรรค หลายกลุ่ม หลั่งไหลเข้าสู่พรรคนี้ราวกับสายน้ำ ไหลเข้าไปเรื่อยไม่มีหยุด
ที่สำคัญสุดจากพรรคเพื่อไทยหรือไทยรักไทยในอดีต ก็มากันไม่น้อย
แต่ไม่ต้องถามว่า จากเพื่อไทยที่มาซบพลังประชารัฐ ส่วนใหญ่มีคดีรุนแรงติดค้างอยู่หรือไม่ อย่าไปคิดว่าโดนบีบอะไรแบบนั้น
คงมาเพราะศรัทธาในพรรคนี้จริงๆน่า
อีกทั้งเมื่อย้อนไปดูตอนที่ทักษิณเปิดไทยรักไทย ชัดว่ายากจะเทียบพลังประชารัฐในวันนี้แน่ๆ
เพราะตอนนั้นทักษิณไม่มีฐานะเป็นฝ่ายกุมอำนาจรัฐ!?!
ขณะที่ผู้ก่อตั้งพลังประชารัฐ อยู่ในรัฐบาลคสช.แทบทั้งนั้น แถมตั้งขึ้นมาเพื่อมุ่งผลักดันให้นายกฯคนปัจจุบัน ได้เป็นนายกฯต่อไปหลังเลือกตั้ง
มีชื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ในบัญชีเสนอเป็นนายกรัฐมนตรีแน่นอน
โดยที่ไทยรักไทยไม่มีแน่ๆ ตอนเปิดตัวก็คือ ไม่ได้เป็นรัฐบาลในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง
ไม่สามารถเทเงินงบประมาณลงสู่คนจน ลงสู่ชาวสวนชาวไร่ ได้เป็นแสนล้านเช่นนี้
ไม่ใช่การหาเสียงล่วงหน้าให้พรรคของคสช.แต่ อย่างใด อย่าคิดในแง่ร้ายเกินไปเลยน่า!
อีกอย่าง ตอนเปิดไทยรักไทย มีเสียงส.ว.ถึง 250 เสียงเตรียมไว้ล่วงหน้าเพื่อผนึกเป็นเสียงโหวตนายกฯหรือเปล่า ไม่มีแน่นอน
ทั้งหลายทั้งปวงเป็นเครื่องยืนยันดังคำกล่าวของนายสุริยะจริงๆ
นั่นคือการเกิดของพรรคพลังประชารัฐยิ่งใหญ่กว่าไทยรักไทยจริงๆ
แต่ก็นั่นแหละ วันนี้เกิดคำถามอื้ออึง!?
การต้องอิงอดีตส.ส.เก่าเพื่อหวังผลเลือกตั้ง การที่ต้องหว่านเทงบฯก่อนเลือกตั้ง ไปจนถึงเตรียมส.ว.นอนรอเอาไว้ 250 เสียง
แล้วที่อุตส่าห์เป่านกหวีดล้มประชาธิปไตยเมื่อ 4 ปีก่อน ตะโกนก้อง ไม่เอานักการเมืองเก่าเลวร้ายชั่วฉ้อฉลทุกอย่างเพื่อเข้าสู่อำนาจ เกลียดรัฐบาลนักการเมืองประชานิยมผลาญเงินแผ่นดิน ทำให้ชาวบ้านเสพติดการรอรับผลประโยชน์
ทำไมต้องเสียเวลากันไปถึง 4-5 ปี ทำเศรษฐกิจตกต่ำ ชาวบ้านยากลำบาก ไปทำไม
ถ้าจะเอาแบบที่ทำขณะนี้ ก็ลงมือได้เลยหลังร่วมล้มรัฐบาลเพื่อไทยเสร็จ แค่ปีสองปีก็ทำแบบนี้ไปเลยก็ได้นี่นา
ไม่เห็นต้องเสียเวลาอ้างเรื่องปฏิรูปเลื่อนลอยมาถึง 4-5 ปีเลย!?!
โดย : วงค์ ตาวัน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
