ชกไม่มีมุม : 4 ปีผ่านไป ไม่ไวเหมือนโกหก
เมื่อพรรคพลังประชารัฐ ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อลงสู่สนามเลือกตั้งให้ประชาชนตัดสินใจในวันเดินเข้าคูหา คือการเข้าสู่การเมืองตามวิถีทางประชาธิปไตย ซึ่งไม่ว่าจะมีเบื้องหลังลึกลับซับซ้อนอย่างไร ก็ต้องถือว่าเป็นการเดินตามหนทางที่ถูกต้องถูกหลัก ดีกว่าพวกที่เข้าสู่อำนาจด้วยการล้มประชาธิปไตย
ส่วนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อมาด้วยพรรค การเมืองที่ผ่านการเลือกตั้ง แม้ว่าจะไม่เปิดตัวลงสนามอย่างเปิดเผย แต่หากได้เป็นนายกฯอีกครั้ง ด้วยวิถีทางประชาธิปไตย
ก็ยังสง่างาม กว่าการเข้ามาเป็นนายกฯด้วยวิถีอื่นแน่ๆ
วันนี้พรรคการเมืองอื่นๆ รวมถึงประชาชนจำนวน ไม่น้อย วิพากษ์วิจารณ์พรรคการเมืองนี้อย่างหนักหน่วงในหลายด้าน
เช่น การที่ยังแอบอิงอำนาจอยู่ไม่ยอมปล่อย
การใช้มาตรการและเงินงบประมาณของรัฐบาลปัจจุบันในการเอาอกเอาใจชาวบ้าน
การใช้พลังดูดนักการเมืองเก่าๆมาเข้าสังกัดอย่างมืดฟ้ามัวดิน
แล้วเมื่อถึงวันโหวตนายกฯ ก็ยังมีพรรคส.ว.อีก 250 เสียงพร้อมจะร่วมยกมือให้
จนกลายเป็นข้อสงสัย ถึงความได้เปรียบเสียเปรียบเหนือกว่าพรรคการเมืองอื่นๆ
แต่ทั้งหมดนี้ก็คือบทสรุปของการเมืองไทยในวันนี้!
การเมืองบทนี้ ซึ่งต้องมองย้อนว่ามีจุดเริ่มต้นต่อเนื่องมา
โดยเริ่มตั้งแต่การปลุกม็อบนกหวีดออกมาชัตดาวน์เมื่อปลายปี 2556
พอรัฐบาลยิ่งลักษณ์ยอมยุบสภา เพื่อใช้ทางออกตามวิถีทางประชาธิปไตย กลับบอกว่าไม่เอา จะขอปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง
เมื่อทำทุกอย่างให้เข้าทางตัน ก็มาถึงบทของคณะทหารคสช. เข้ามายึดอำนาจ จากนั้นก็บอกว่าจะดำเนินภารกิจปฏิรูปประเทศให้พ้นจากปัญหาเดิมๆให้ได้เสียก่อน ใช้เวลายาวนานกว่า 4 ปีแล้ว
สิ่งที่ประเทศชาติต้องสูญเสียในทุกครั้งที่เราอยู่ใน ช่วงรัฐบาลรัฐประหารก็คือ ถูกทั่วโลกปิดกั้น ส่งผลให้เศรษฐกิจการค้าทรุดตัว รายได้ของประชาชนหดหาย คนรากหญ้าประสบปัญหาปากท้อง
4 ปีผ่านไป ไม่ได้ไวเหมือนโกหก แต่เนิ่นนานอย่างมาก สำหรับคนอยู่อย่างยากลำบาก!
แล้วเราได้อะไรขึ้นมาบ้าง
ดูภาพของพรรคพลังประชารัฐ ดูการเตรียม กลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง
ยิ่งเมื่อดูภาพการหันมาพึ่งนักการเมืองเก่าๆ แล้วตัดภาพไปบนเวทีนกหวีด ที่ป่าวร้องกันว่า ต้องปฏิรูปเพื่อไม่เอานักการเมืองเลวร้ายฉ้อฉลอีกแล้ว
ดูมาตรการช่วงโค้งสุดท้ายของรัฐบาล แล้วนึกถึงภาพที่ป่าวร้องบนเวทีนกหวีด ไม่เอาแล้วประชานิยม
เมื่อมองย้อนไปจุดเริ่มต้นเมื่อปลายปี 2556 รู้สึกสูญเสียเปล่าเปลืองจริงๆ!
วงค์ ตาวัน