คอลัมน์ ชกไม่มีมุม : เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษา

คอลัมน์ ชกไม่มีมุม

วงค์ ตาวัน

ผ่าน 2 ศาลแล้ว สำหรับคดีดังฆ่า 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า สุราษฎร์ธานี โดยล่าสุดเมื่อ 1 มีนาคม ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้ประหารชีวิต 2 แรงงานต่างด้าว โดยถัดจากนี้มีศาลฎีกาเป็นขั้นตอนสุดท้าย ก่อนจะเป็นคดีถึงที่สุดอย่างแท้จริง

จากชั้นต้นมาถึงศาลอุทธรณ์ ซึ่งคำพิพากษายังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

เท่ากับยืนยันว่า พยานหลักฐานที่ตำรวจรวบรวมนำเสนอ และอัยการนำมาฟ้องนั้น มีน้ำหนักชัดเจน

จนเชื่อได้ว่าจำเลยกระทำผิดจริง คือได้ข่มขืนฆ่าสาวชาวอังกฤษ และฆ่าเพื่อนหนุ่มชาวอังกฤษพร้อมกัน 2 ศพ

เช่นนี้แล้ว ทำให้ต้องนึกย้อนถึงบรรยากาศช่วงหลังเกิดเหตุใหม่ๆ เมื่อปี 2557

นอกจากเป็นคดีใหญ่ มีนักท่องเที่ยวตายถึง 2 ศพ บริเวณแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของไทย อันกลายเป็นคดีที่โด่งดังไปทั่วโลกแล้ว

ยังเกิดกระแสรุนแรงในโซเชี่ยลมีเดีย ตั้งป้อมถล่มตำรวจว่า ทำคดีบิดเบน โจมตีว่าจับผิดตัว

โดยคดีนี้เกิดเหตุขณะที่พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เป็นผบ.ตร. หัวหน้าทีมสืบสวนคือ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ขณะเป็นรองผบ.ตร.มือปราบ

นักสืบโซเชี่ยล เปิดประเด็นจับผิดตำรวจทุกท่วงท่า กลายเป็นกระแสที่ปกคลุมไปทั่วสังคม

จนคนจำนวนไม่น้อยหลงเชื่อไปตามกันว่า ฆาตกรไม่ใช่ 2 ผู้ต้องหาที่ถูกจับ!?!

แต่อันที่จริง หากใครที่ติดตามข่าวสารการคลี่คลายคดีอย่างไม่มีอคติชี้นำ จะพบว่า ขั้นตอนการทำคดีของตำรวจนั้น มีเหตุผลอธิบายได้มากมาย

การปักใจเชื่อว่า ผู้มีอิทธิพลในเกาะเต่า เป็นผู้ก่อเหตุ แล้วโยนผิดไปให้ 2 ชาวพม่านั้น

กลับไม่มองว่า คดีนี้ผบ.ตร.ไปดูเอง รองผบ.ตร. มือปราบชื่อดัง นำทีมสืบสวนจากนครบาล และกองปราบฯ ลงไปทำงาน มากันทีมใหญ่ระดับนี้ จะมี เจ้าพ่อเกาะเต่าคนไหนที่มีกำลังไปวิ่งเต้นคดีได้!?

กระแสโจมตีไปไกลถึงหูครอบครัวผู้ตาย จนสกอต แลนด์ยาร์ดต้องบินมาประสานหาข้อมูล ก่อนจะกลับไปโดยไม่พูดอะไร แต่อังกฤษก็ไม่มีท่าทีติดใจอะไรอีก

สุดท้ายเมื่อจับกุมได้ ผบ.ตร.นั่งแถลงข่าวเอง

ถ้าจับผิดจับมั่วหรือตำรวจไปรับเงินมาบิดเบนคดี ผบ.ตร.จะเอาตัวมาเสี่ยงทำไม??

จากนั้นเมื่อส่งสำนวนถึงอัยการ ก็ชัดเจนว่าอัยการตรวจสอบแล้ว ต้องเห็นว่าพยานหลักฐานน่าเชื่อถือ จึงนำส่งฟ้องศาล

ท่ามกลางกระแสสังคมแบบนั้น อัยการจะไปเออออกับตำรวจทำไม ถ้าคดีนี้ทำกันมั่วซั่ว

จนกระทั่ง 2 ศาลตัดสินประหารชีวิต

แม้คดียังไม่ถึงที่สุด แต่ก็บอกอะไรได้ไม่น้อย

สังคมโซเชี่ยลน่าจะทบทวนและศึกษาคดีนี้โดยปราศจากอคติ หรือแค่เชื่อตามๆ กันไป!