ขั้วที่ 3 ไม่ใช่เล่นๆ จุดเปลี่ยนตั้งรัฐบาล

คอลัมน์ – ชกไม่มีมุม

โดย – วงค์ ตาวัน

จุดเปลี่ยนตั้งรัฐบาล – การโชว์ภาพเช็กแฮนด์กัน ระหว่างนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมกับถ้อยคำเน้นย้ำว่า ทำงานกันอยู่ ไม่ได้มากินเฉยๆ นั้น มีความหมายทางการเมืองอย่างมากทีเดียว

สอดคล้องกับข่าวการประกาศตัวเป็นขั้วที่ 3 ซึ่ง 2 พรรคนี้รวมกันแล้วเท่ากับมี 103 เสียงในมือ

คล้ายกับประกาศตัวเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลด้วย!

เท่ากับไม่ใช่มีแค่ขั้วพรรคอันดับ 1 คือ เพื่อไทยกับพันธมิตร 7 พรรค ที่มี 244 เสียง

หรือไม่ใช่แค่อีกขั้ว นำโดยพรรคพลังประชารัฐ ที่มี 115 เสียง พร้อมพรรคเล็กพรรคน้อย บวกกับอีก 250 เสียงส..สำหรับโหวตนายกฯ

ตอนนี้มีขั้วภูมิใจไทยผนึกกับประชาธิปัตย์ขึ้นมาแล้ว เปลี่ยนสถานะ ไม่ใช่เป็นเพียงตัวแปรอีกแล้ว

แต่ยกระดับขึ้นมาเป็นแกนนำเอง!!

คล้ายกับการพลิกสถานการณ์ในการตั้งรัฐบาลเสียใหม่ จากเดิมที พรรคพลังประชารัฐจะกุมความได้เปรียบมากกว่า ด้วยมีฐานสนับสนุนจากเครือข่ายอำนาจทุกด้าน

แต่เพราะการพูดคุยต่อรองกับพรรคที่เชิญมาเข้าร่วม เช่น ภูมิใจไทย ไม่สามารถตกลงกันได้ เพราะไม่ยอมปล่อย กระทรวงหลักๆ

ตามด้วยบทสรุปในพรรคประชาธิปัตย์เอง ที่เลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ โดยสกัดอำนาจภายนอก ทำให้ไม่สามารถเข้ามาแทรกแซงได้

ประชาธิปัตย์เลยมีสถานะต่อรองมากขึ้น ไม่ใช่พรรคเบี้ยล่างตามที่คาดหวังเอาไว้

จึงทำให้สูตรการตั้งรัฐบาลที่พลังประชารัฐเป็นแกนนำเริ่มระส่ำ!

จนมาถึงจุดที่ภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์หันมาจับมือกัน เพื่อเป็นขั้วที่ 3

เท่ากับสูตรรัฐบาลก็สามารถพลิกไปทางไหนก็ได้

ขั้วที่ 3 อาจจะร่วมกับพลังประชารัฐก็ได้ เพียงแต่บทในการเจรจาพูดคุยกัน ต้องเริ่มเปลี่ยน

เพราะน้ำหนักของภูมิใจไทยบวกประชาธิปัตย์ เพิ่มขึ้นมากโขแล้ว!

ขณะเดียวกันขั้วที่ 3 ก็อาจจะร่วมกับฝ่ายเพื่อไทย อนาคตใหม่ก็ได้

แต่ที่จะเหนือกว่าก็คือ ถ้าร่วมกับเพื่อไทย อนาคตใหม่และพันธมิตร ซึ่งเปิดไพ่เอาไว้แล้วว่า ยอมสละได้ทุกตำแหน่งสำคัญ

เท่ากับขั้วที่ 3 จะได้ทั้งเก้าอี้นายกฯ และประธานสภาไปทันที ถ้ารับขั้วเพื่อไทยเข้าร่วม

ขณะที่ขั้วพลังประชารัฐนั้น ล็อกนายกฯ เป็นของตัวเองเอาไว้แล้ว ซึ่งเป็นจุดต่างกัน

การตั้งรัฐบาลที่จมอยู่กับสภาพอึมครึมเสียง ปริ่มน้ำมาตลอด เริ่มมีจุดเปลี่ยนใหม่ๆ!

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน