การล้มรัฐบาล ใช้สภา-ใช้รถถัง
คอลัมน์ ชกไม่มีมุม
วงค์ ตาวัน
การล้มรัฐบาล – หลังจากรอแล้วรอเล่า รอกันตั้งแต่หลังเลือกตั้ง 24 มีนาคม รอกันจนเกินกว่า 100 วันไปแล้ว เอาเป็นว่าในสัปดาห์นี้เราจะได้เห็นรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ประกอบด้วยพรรคการเมืองถึง 19 พรรค ได้ฤกษ์เข้าทำงานอย่างเป็นทางการเสียที
จะได้เห็นฝีไม้ลายมือกันในการบริหารบ้านเมือง ว่าจะลุล่วงลือเลื่องแค่ไหน
รวมทั้งจะได้เห็นบรรยากาศความรักความสามัคคีว่า จะเหนียวแน่นเพียงใด หลังจากที่ผ่านการเปิดหน้าเปิดศึกฉะกันนัวเนีย ในตลอดช่วงการเจรจาจัดเก้าอี้แบ่งกระทรวง ยังจะมีอะไรติดพันกันมาอีกหรือไม่
นั่นก็คงต้องขึ้นกับหัวหน้ารัฐบาล ว่าจะสามารถควบคุมรัฐมนตรีต่างๆ และส.ส.ในสังกัดกลุ่มและมุ้งต่างๆที่ “อกหัก” ให้อยู่ในระเบียบในแถวได้ดีขนาดไหน
รวมทั้งอาจต้องขึ้นกับ ผู้กองธรรมนัส พรหมเผ่า ผู้ประกาศตัวว่า ทำหน้าที่เป็น“เส้นเลือดใหญ่”ของรัฐบาลนี้ด้วยอีกคน!?!
ขณะเดียวกัน เมื่อเป็นรัฐบาลอย่างเป็นทางการแล้ว ก็จะต้องแถลงนโยบายต่อสภา
พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ ต้องเผชิญหน้ากับฝ่ายค้านในสภาด้วยตัวเอง
นี่คือสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งคนละโลกกับสภานิติบัญญัติแห่งชาติหรือสนช. ตลอด 5 ปีที่แล้ว
แต่ความที่สภาผู้แทนฯ เปิดประชุมมาหลายสัปดาห์แล้ว มีการอภิปรายในประเด็นต่างๆมากมาย เหล่าขุนพลฝ่ายค้านโชว์ลีลาอันร้อนแรงให้ได้เห็นมาแล้ว
ดังที่มีการเปรียบว่า นายกฯ คงได้ซ้อมผ่านการนั่งดูถ่ายทอดสดไปแล้ว น่าจะเตรียมตัวเตรียมใจได้บ้างแล้ว
แต่ก็นั่นแหละ ดูผ่านจอทีวี ยังไงก็ไม่เหมือนอยู่ในบรรยากาศจริง เมื่อได้มานั่งฟังเต็ม 2 รูหูในห้องประชุมสภา ก็คงอีกอย่างหนึ่ง
น่าสงสัยว่าจะเก็บกลั้นอารมณ์ได้แค่ไหน!?
ไม่เท่านั้น ที่พล.อ.ประยุทธ์กล่าวพาดพิงฝ่ายค้านเอาไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คงต้องเตรียมรับการเอาคืนเอาไว้ให้ดี
เพราะไปติติงฝ่ายค้าน ในกรณีพ.ร.บ.งบประมาณที่ น่าหวาดเสียวด้วยเสียงปริ่มน้ำ
ด้วยการใช้คำกล่าวที่ว่า ฝ่ายค้านอย่าตีรวน ไม่เช่นนั้นประชาชนจะได้รับความเดือดร้อน
รวมทั้งเตือนด้วยว่า อย่าใช้เวทีสภามาล้มรัฐบาล!?!
คำพูดคำจานี้แหละ ที่จะต้องโดนเอาคืนแน่ๆ เมื่อ นายกฯ เข้าไปนั่งในสภา
เพราะฝ่ายค้านล้มรัฐบาลผ่านเวทีสภานั้น เป็นหลักสากลที่โลกยอมรับ แต่การล้มรัฐบาลด้วยรถถังนี่สิ ที่ทั้งโลกต่อต้าน
ที่สำคัญสะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า การเป็นนายกฯ หนที่สอง แม้จะมาด้วยระบบการเมืองที่มีการเลือกตั้งก็ตาม
แต่ดูเหมือนยังไม่เข้าใจระบบการเมืองเช่นนี้ดีพอ
รวมทั้งยังคงวางตัวอยู่เหนือกว่านักการเมืองทั่วไปเหมือนเมื่อ 5 ปีก่อนยังไงก็ยังงั้น!