ชกไม่มีมุม
วงค์ ตาวัน
คนที่ตลอดชีวิตได้ดิบได้ดีทางการเมืองเพราะการแต่งตั้งจากกลุ่มคนที่มีอำนาจ ย่อมไม่เคยเห็นประชาชนอยู่ในสายตา และเมื่อกติกาการเมืองถอยหลังย้อนยุค เปิดทางให้มีนายกฯที่ไม่ต้องมาจากการเลือกตั้งโดยประชาชนก็ได้ คนพวกนี้ก็มีอาการสดใสเริงร่าออกหน้าออกตา
ออกมาทำทุกวิถีทางเพื่อให้ประเทศนี้ ไม่ต้องมีนายกฯที่เชื่อมโยงกับอำนาจประชาชน
ล่าสุดแกนนำกลุ่มคนรักท็อปบู๊ตซึ่งก็แนวเดียวกันกับไอ้ห้อยไอ้โหน เรียกร้องประชาชนอย่าไปหนุนพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งปลายปี 2560
เพราะถ้า 2 พรรคนี้เข้ามาเป็นเสียงข้างมากในสภาแล้วจับมือกัน จะเป็นการปิดทางนายกฯคนนอก
จึงขอเรียกร้องให้เลือกพรรคที่สนับสนุนนายกฯคนนอกเท่านั้น!!
นับก็เป็นข้อเสนอที่ชัดเจนดี
ประชาชนจะได้ตัดสินใจไปเลยว่า ถ้าต้องการให้อำนาจในมือประชาชนเช่นเราๆท่านๆมีความสำคัญ เหนือกว่าอำนาจที่ไม่เชื่อมโยงกับประชาชน
ถ้าเราต้องการเลือกนักการเมืองที่จะเป็น”ผู้แทน ของราษฎร” ให้เข้าไปมีอำนาจทางการเมืองแทนเราได้เต็มไม้เต็มมือ
กระทั่งถ้าต้องการให้อำนาจในมือประชาชนมีผลต่อการเลือกนายกรัฐมนตรีไปพร้อมกันด้วย
เราต้องทำตรงกันข้ามกับข้อเรียกร้องของคนกลุ่มนี้!
แต่ถ้าเราอยากเป็นประชาชนหัวอ่อนที่อยู่ภายใต้การปกครองของคนที่ไม่ได้มาจากการเลือกของพวกเรา ถ้าอยากเป็นประชาชนงอมืองอเท้าที่แค่มีสิทธิมีเสียงนิดๆ หน่อยๆ ไม่อาจเอื้อมไปมีสิทธิเลือกนายกรัฐมนตรี
ก็ต้องไปเลือกพรรคการเมืองที่ประกาศตัวว่าจะให้คนนอก ที่ไม่เกี่ยวกับอำนาจประชาชนมาเป็นนายกฯปกครองประชาชน!?!
ส่วน 2 พรรคการเมืองใหญ่ที่ตกเป็นเป้าว่า จะร่วมมือกันปกป้องระบอบประชาธิปไตย ต่อต้านอำนาจนอกระบบหรือไม่
ปรากฏว่า พรรคหนึ่งยืนยันว่า ไม่ยอมรับนายกฯจากคนที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง พร้อมจับมือกับทุกพรรคเพื่อรักษาอำนาจของฝ่ายที่มาจากการเลือกตั้ง
ส่วนอีกพรรค ยังมีท่าทีกั๊กๆ อันเป็นลักษณะปกติของพรรคนี้ แถมยังปล่อยลูกหาบออกมาโจมตีพรรคตรงข้ามว่า เป็นพรรคโกงกิน ไม่มีทางร่วมมือกันได้เด็ดขาด
พูดโดยไม่ระวังเรื่องที่ยังฝังใจประชาชน!!
กรณีแกนนำครึ่งหนึ่งของพรรคไหนที่ไปร่วมกันเชิญชวนอำนาจนอกระบบเข้ามาหยุดประชาธิปไตย
พรรคไหนที่ร่วมปูทางทำลายรัฐสภา
ตั้งแต่อาละวาดในห้องประชุม ปาแฟ้ม ทุ่มเก้าอี้ และโหมสร้างภาพลบๆ ว่ารัฐสภาเป็นเผด็จการ ก่อนลงเอยไปเป่านกหวีดเรียกหาอำนาจอื่น
ทั้งที่หากเลือกหนทางยุบสภาไปเลือกตั้งเพื่อล้มอีกพรรคอันเป็นวิถีที่ไม่ทำลายประชาธิปไตย
นั่นจึงจะเรียกว่าเชื่อมั่นในระบบรัฐสภาอย่างแท้จริง!