ศึกษากรณีซีอุย – นายซีอุย แซ่อึ้ง คนจีนอพยพหนีสงคราม อาศัยเรือ เข้ามาในไทยเพื่อรับจ้างทำงาน ถูกจับกุมเมื่อปี 2501 และถูกประหารชีวิตในเวลาต่อมา จนกลายเป็นตำนานความเชื่อที่ผิดๆ ว่าเป็นฆาตกรต่อเนื่อง ฆ่าเด็กเพื่อกินตับไตไส้พุง จนผ่านมากว่า 60 ปี จึงได้รับการลบล้างมลทิน ลบล้างฉายามนุษย์กินคน เลิกความเชื่อผิดๆ ได้เสียที
พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้ทำพิธีเผาศพซีอุย ที่วัดบางแพรกใต้ นนทบุรี เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา
เป็นเสมือนพิธีปิดฉากเรื่องราวที่ถูกกล่าวหาไป ในทางที่ผิดๆ ปลดปล่อยดวงวิญญาณไปสู่สุคติ
หลังจากที่ซีอุยถูกจับกุม ท่ามกลางการโหมกระพือข่าวลือฆาตกรฆ่าเด็กหลายราย แล้วผ่าท้องเพื่อเอาอวัยวะภายในมากิน
ด้วยความเป็นคนจีนพูดไทยไม่ได้ ไม่มีญาติพี่น้อง ไม่มีช่องทางการต่อสู้คดี อีกทั้งในยุคนั้นกระบวนการพิสูจน์พยานหลักฐานยังล้าหลัง
สุดท้ายซีอุยยอมรับสารภาพว่าเป็นคนฆ่าเด็กจริง!?!
แต่น่าเชื่อว่าเพราะโดนเกลี้ยกล่อมให้รับๆ ไปก่อน (แล้วไปแก้รัฐธรรมนูญทีหลัง)
เดี๋ยวจะได้ส่งกลับไปบ้านเกิดเมืองนอนที่ประเทศจีน อะไรทำนองนั้น แต่สุดท้ายโดนยิงเป้า
ต่อมามีการค้นคว้าเรื่องราวของซีอุย จนพบข้อเท็จจริงมากมายว่า ขั้นตอนการดำเนินคดีเต็มไปด้วยความ น่าเคลือบแคลง
ความเคลื่อนไหวเพื่อให้ลบล้างมลทินจึงเกิดขึ้น
เกิดกระแสในโลกโซเชี่ยล เรียกร้องให้คืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เลิกเอาศพมาโชว์ในโรงพยาบาล พร้อมป้ายประจานมนุษย์กินคน
ชาวทับสะแก ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งมีความผูกพันกับซีอุย เนื่องจากเคยมาพักอาศัยรับจ้างปลูกผัก ได้เรียกร้องผ่าน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติอีกทาง
จากนั้นโรงพยาบาลศิริราช จึงปลดป้ายมนุษย์ กินคน ออกไป!
จนล่าสุดได้มอบร่างคืนให้กับกรมราชทัณฑ์ และมีพิธีฌาปนกิจทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้
จะได้ไม่มีการนำร่างมาโชว์ พร้อมตอกย้ำความเชื่อ ที่ผิดๆ และข้อกล่าวหาทางคดีที่น่าจะคลาดเคลื่อนอีกต่อไป
เหตุการณ์นี้ถือเป็นมิติที่ดีงามและน่าสนใจของสังคมไทย!
การย้อนค้นหาความจริง และทบทวนความถูกผิด เสียใหม่ เมื่อมีข้อมูลที่ถูกต้อง
ถ้าเรายึดหลักเช่นเดียวกันนี้ในทุกๆ เรื่อง สังคมไทย จะก้าวไปไกลกว่านี้
ไม่ตกเป็นเหยื่อกระบวนการสร้างกระแสผิดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องทางการเมือง
แทนที่ประชาชนจะต่อสู้เพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่
ดันกลายเป็นองครักษ์พิทักษ์อำนาจกลุ่มคนเผด็จการหยิบมือเดียวอย่างน่าเศร้าใจ!
