คอลัมน์ ชกไม่มีมุม
ย่างเข้าสู่ปีงบประมาณใหม่ ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ 1 ตุลาคมสำหรับหน่วยงานราชการต่างๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลงผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง วันนี้ก็เข้ารับตำแหน่งหน้าที่ประเดิมเก้าอี้ตัวใหม่กันเรียบร้อยแล้วเริ่มต้นเดินเครื่องการงานใหม่กันแล้ว
ความที่สถานการณ์การเมืองไม่สู้ปกติ ร้อนแรงด้วยกระแสต่อต้านรัฐบาล เรียกร้องรัฐธรรมนูญใหม่เรียกหาประชาธิปไตยที่แท้จริง ไม่ใช่ประชาธิปไตยแบบไทยๆ
โดยมีพลังคนรุ่นใหม่วัยหนุ่มสาวเป็นหัวหอก แถมประกาศจะใช้ฤกษ์เดือนตุลาคม เป็นดีเดย์ชุมนุมใหญ่อาจจะปักหลักยืดเยื้อด้วย
คำว่าตุลาอาถรรพณ์ คำว่า 14 ตุลาฯ พูดขึ้นมาก็ต้องร้อนๆ หนาวๆ ไปตามๆ กัน
ดังนั้นการรับมือกับความไม่ปกติทางการเมือง จึงมาตกหนักบนบ่าของบรรดาผู้เข้ารับหน้าที่ใหม่ ในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง
ทุกสายตาจึงจับจ้องมาที่ผบ.ทบ.คนใหม่ และผบ.ตร.คนใหม่ ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งในวันสองวันนี้!
เพราะกองทัพบก เป็นหน่วยคุมกำลังที่สำคัญที่สุด
ด้วยการเมืองแบบไทยๆ ที่ทหารยังแหย่ขาเข้ามายุ่งการเมืองเป็นระยะๆ ยังมีการรัฐประหาร ซึ่งกองทัพบกนี่แหละเป็นหน่วยหลักในการยึดอำนาจ
หนีไม่พ้นที่จะมีคำถามว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้หรือบิ๊กบี้ จะมีท่าทีเช่นไรต่อปัญหาความร้อนรุ่มที่มีผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาล
จะยุ่งเกี่ยวการเมืองหรือจะไม่ยุ่งเลย!?!
เช่นเดียวกับพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ใหม่ ที่จะต้องรับหน้าในฐานะหน่วยงานที่ดูแลสถานการณ์ความสงบเรียบร้อย ต้องบังคับใช้กฎหมายควบคุมการชุมนุม
ตำรวจยุคบิ๊กปั๊ด จะปฏิบัติอย่างไรต่อการเคลื่อนไหวของม็อบ!?
จะว่าไปแล้ว สไตล์ของผบ.ตร.คนใหม่ ออกในแนวสุขุมนุ่มลึก ไม่ดุดันโผงผาง เก่งกาจด้านการข่าวและการสืบสวน
เพียงแต่ตำรวจเป็นหน่วยต้องรับหน้าต้องเผชิญกับม็อบต้องยึดหลักบังคับใช้กฎหมาย หลีกเลี่ยงยากที่จะต้องกระทบกระทั่งกัน
แต่ถ้ารัฐบาลเองไม่แข็งกร้าวจนทำให้การเมืองเข้าสู่ทางตัน
ถ้าปัญหาไม่ถึงขั้นแตกหักรุนแรง ก็ทำให้ตำรวจปฏิบัติงานได้ง่ายขึ้น!
ขณะที่ผบ.ทบ.เองนั้น กล่าวขวัญกันมากว่า บุคลิกของบิ๊กบี้ เป็นนายทหารเงียบขรึม พูดน้อยไม่ใช่แนวออกมาให้สัมภาษณ์ทะเลาะกับนักประชาธิปไตยไม่ชอบยุ่งการเมือง ไม่มีบุคลิกเอนเอียงหรือแอบอิงการเมือง
ความจริง ถ้ากองทัพยึดในภารกิจของตนเองเป็นสำคัญ คือรักษาความมั่นคงของชาติ ไม่ใช่ความมั่นคงของฝ่ายการเมือง
รั้วของชาติ ต้องไม่ใช่รั้วทำเนียบ
ถ้าเป็นเช่นนี้จริง การเมืองอาจจะคลี่คลายในทางที่ดีด้วยซ้ำ เพราะทำให้รัฐบาลจะรู้จักตัวเองมากขึ้น!
