คอลัมน์ ชกไม่มีมุม

สัญญาณจากผบ.ตร. ถึงคนร้ายคดีน้องชมพู่ – พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ส่งสัญญาณถึง ผู้กระทำผิดในการหายตัวไปและเสียชีวิตของน้องชมพู่ คดีดังที่อยู่ในความสนใจของคนทั้งประเทศ ด้วยการใช้คำว่า ถ้าเหนื่อยแล้วก็มานั่งจับเข่าคุยกันดีกว่า ว่าเหตุเกิดจากอะไร

โดยก่อนหน้านี้ ในการแถลงความคืบหน้าคดีเมื่อเดือนตุลาคม 2563 ตอนขึ้นเป็นผบ.ตร.ใหม่ๆ

ตอนนั้นพล.ต.อ.สุวัฒน์กล่าวฝากว่า ขอให้คนร้ายที่นั่งฟังการแถลงอยู่ จงนอนเครียดต่อไป เพราะตำรวจไม่หยุดการสืบสวนสอบสวนคดีนี้แน่

มาล่าสุด ที่อยู่ระหว่างการรอผลจากเครื่องจับเท็จ หลังจากตำรวจนำตัวคนในครอบครัวและญาติใกล้ชิด ที่สามารถเข้าถึงตัวเด็กชมพู่ได้ มาเข้ากระบวนการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์

หนนี้ผบ.ตร.ส่งข้อความว่า

ฝากถึงคนร้ายว่าให้คิดถึงเรื่องบาปบุญ ท่านก็หนีได้ชั่วคราว หากเหนื่อยแล้ว ก็มานั่งจับเข่าคุยกัน ดีกว่าว่าเหตุเกิดจากอะไร!?

การส่งสัญญาณดังกล่าว คงต้องการฝากบอกผู้กระทำผิดจนน้องชมพู่เสียชีวิต ทำนองรู้ว่าไม่ได้ตั้งใจ

มาพูดคุยกันได้โทษหนักจะได้เบาลง

ซึ่งการสอบสวนในชั้นนี้ น่าเชื่อว่า เป็นการกระทำพลาดพลั้ง ไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าเด็ก

แต่อาจกระทำด้วยอารมณ์โมโหร้าย จนทำให้ เด็กเตลิด จนสุดท้ายเดินหลงทาง

ก่อนเสียชีวิตเพราะขาดน้ำและอาหาร

กว่าจะตามหาตัวเด็กเจอก็คงเสียชีวิตแล้ว จึงนำร่างไปอำพรางไว้บนภูเขา

แต่ยิ่งสร้างสถานการณ์ ยิ่งเป็นการยืนยันว่า เด็ก ไม่ได้ขึ้นไปนอนตายอยู่บนภูเขาแน่นอน!!

เป็นการยืนยันให้เห็นว่า ต้องมีคนที่มีส่วนทำให้เด็กต้องพลัดหลงและเสียชีวิต อุ้มร่างไปวางไว้ ถอดเสื้อผ้าออก เพื่อหวังเบนคดี

ด้วยความที่หมู่บ้านกกกอก เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ในชนบท จึงไม่สามารถตรวจสอบสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ไม่มีกล้องวงจรปิด

การสืบสวนสอบสวนของตำรวจจึงขาดพยานหลักฐานบางช่วงบางตอนไป

แต่ด้วยการประมวลผลการสอบปากคำทั้งหมด สรุป ได้ว่า ครอบครัวนี้ไม่ได้มีสาเหตุขัดแย้งกับใคร ไม่มีเงินทองหรือผลประโยชน์

ลงเอยจึงเป็นเรื่องของคนใกล้ชิด ที่ทำผิดพลาดจนทำให้เด็กตายอย่างน่าเศร้า

ทั้งการสอบปากคำคนในหมู่บ้านกว่า 300 ปาก ทำให้เห็นได้ว่ามีใครบางคนพูดจาไม่ตรงความจริงมากมายหลายประเด็น!?!

น่าจะลองทบทวนให้ดี เพราะจริงๆ ก็ไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าอะไร

ผบ.ตร.เปิดช่องให้เข้าไปจับเข่าคุย เพื่อหาทางออก เพื่อบรรเทาโทษแล้ว!

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน