คอลัมน์ ชกไม่มีมุม
พิษเศรษฐกิจ-ยื้อรธน. – การระดมแกนนำจากทุกสีให้เข้ามาร่วม ถือเป็นจุดเด่นของม็อบที่นำโดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ ซึ่งเปิดตัวได้อย่างคึกคักทีเดียว ท่ามกลางคนเสื้อแดงที่เข้าร่วมอย่างหนาตา โดยเป้าหมายชัดเจนคือ พุ่งเป้าไปที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ลดเพดานการต่อสู้ แตกต่างไปจากม็อบของนักเรียนนักศึกษาคนรุ่นใหม่ เพื่อสร้างความสามัคคีจากหลากหลายกลุ่มได้กว้างขึ้น
แน่นอนว่า ม็อบของนายจตุพรคงไม่ได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับม็อบของเยาวชนคนรุ่นใหม่
แต่มีเป้าหมายร่วมกันอยู่ในบางส่วน ไม่ได้ขัดแย้งกัน
เรียกได้ว่าเป็นแนวร่วมกันทำนองนั้น!
เท่ากับว่า เป้าหมายที่พุ่งใส่พล.อ.ประยุทธ์นั้น จึงมีทั้งม็อบที่มาจากหลากหลายฝ่ายที่นำโดยนายจตุพร และม็อบของคนรุ่นใหม่ ที่เคลื่อนมาตลอดปีสองปีนี้อย่างดุเดือด
ทำให้น่าคิดวิเคราะห์ว่า ผู้นำรัฐบาลจะสามารถฝ่ามรสุมหลายลูกนี้ได้อย่างไร!?
ขณะเดียวกัน เมื่อมองภาพแกนนำหลายกลุ่มหลายสี ทั้งเหลืองแดงสามารถสามัคคีกันได้ เมื่อชูประเด็นพล.อ.ประยุทธ์ขึ้นมา เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงกระแสสังคมในเวลานี้ได้เป็นอย่างดี
จุดสำคัญที่สุด น่าจะเป็นประเด็นเศรษฐกิจ ในยุคที่เกิดวิกฤตโควิด
ปีสองปีนี้ เมื่อวัคซีนเริ่มกว้างขวาง การฟื้นตัวของธุรกิจการค้าจะเป็นเรื่องท้าทายความสามารถของรัฐบาลอย่างมาก
จึงต้องมีผู้นำที่หลักแหลมคิดกว้างไกล เป็นมือฉมังด้านเศรษฐกิจตัวจริง
ยิ่งปรากฏการณ์ โทนี่ วู้ดซัม ในคลับเฮาส์ ที่มียอดคนเข้าฟังอย่างล้นหลาม ยิ่งกลายเป็นภาพเปรียบเทียบ!!
ยิ่งทำให้คนไทยรู้สึกเศร้าสลดหมดหวัง เมื่อทอดสายตามองความจริงของการบริหารประเทศในเวลานี้
ประเด็นเศรษฐกิจปากท้องจากโรคระบาด เป็นเรื่องใหญ่มากๆ สำหรับความรู้สึกของคนไทย
และน่าจะทำให้เข้าใจได้ว่า เหตุใดม็อบของนายจตุพรจึงเรียกความสามัคคีจากหลายฝ่ายได้เช่นนี้!
รวมทั้งชนวนที่สำคัญอีกอย่าง คงไม่พ้นการเตะถ่วงแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งหน้ายังมี 250 ส.ว.โหวตเลือกนายกฯ ต่อไป
เห็นเช่นนี้แล้วชาวบ้านทั่วร้านตลาดยังบ่นเป็นเสียงเดียวกัน
เราจะได้รัฐบาลเดิมต่อไปอีก 4 ปี รวม 2 ปีที่เหลือ สมัยนี้ก็ปาเข้าไปอีก 6 ปี
นี่หรือเปล่าทำให้ทุกฝ่ายพร้อมใจกันสามัคคีทันที เมื่อมีนายจตุพรมากวักมือเรียก
ม็อบจตุพรก็ขยับเดินหน้า ม็อบเด็กรุ่นใหม่ก็ไม่เลิก แถมยิ่งเดือดแค้นเมื่อแกนนำถูกคุมขังกันระนาว
ไม่รู้ว่ารัฐบาลจะยังคิดเดิมๆ เชื่อมั่นในฐานกองทัพและชนชั้นสูง อย่างไม่สนใจอะไรอยู่อีกหรือไม่!?
วงค์ ตาวัน