ชกไม่มีมุม
โดย…วงค์ ตาวัน
ปลดธรรมนัสยิ่งบาน ใครที่ผิดกติกามารยาท
ปลดธรรมนัสยิ่งบานใครที่ผิดกติกามารยาท : ไปๆ มาๆ ยิ่งเห็นความปริร้าวบานปลาย จากการตัดสินใจของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการปลดร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ออกจากการเป็นรัฐมนตรี
ไม่เพียงส่งผลให้ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ของ 3ป. ที่คงแทบกระอักโลหิต และต้องนั่งกลืนเลือดอย่างชอกช้ำ
เพราะสั่งให้ธรรมนัสหยุดและยอมหยุด ยอมโหวตไว้วางใจนายกฯ จนสอบผ่านได้เรียบร้อย
แต่อีกฝ่ายกลับไม่หยุด การยังคงบดขยี้ถึงขั้นปลด กระทบทั้งความสัมพันธ์พี่น้อง 3ป. กระทบทั้งกติกามารยาท
ไม่เท่านั้น ยังส่งผลต่อภาพรวมของรัฐบาลเอง เมื่อพล.อ.ประยุทธ์สั่งปลดรัฐมนตรีผู้เป็นเลขาธิการพรรค ที่ใส่ชื่อพล.อ.ประยุทธ์ขึ้นเป็นนายกฯ
อย่างนี้ไม่สร้างรอยร้าวและระส่ำระสายให้กับพรรคหลักที่สนับสนุนรัฐบาลได้อย่างไร!?
จริงอยู่ ตัวตนของร.อ.ธรรมนัส อาจจะไม่ใช่นักการเมืองที่สังคมยอมรับมากนัก ปูมประวัติความเป็นมาลึกลับพิสดารอย่างมาก
แต่ในเหตุของการโดนปลดนั้น มาจากเกมการเมืองในสภา
แนวคิดในการโหวตไม่ไว้วางใจนายกฯ ของส.ส.กลุ่มหนึ่งในพลังประชารัฐ เป็นไปตามวิถีการเมืองอยู่ในกติการัฐธรรมนูญ
ถ้าจะมีผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงในสภา เป็นเรื่องไม่ผิดกติกา!
เป็นการเปลี่ยนแปลงตามระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายแน่นอน
ถ้าเปลี่ยนแปลงการเมืองด้วยการใช้ปืนใช้รถถังเข้ายึดอำนาจ ล้มประชาธิปไตย นั่นแหละควรประณามและต่อต้าน!!
เราต้องไม่ยอมรับวิถีทางนอกระบบอย่างเด็ดขาด
แต่การเคลื่อนไหวของส.ส.พลังประชารัฐก่อนการลงมติไม่ไว้วางใจ ถึงอย่างไรก็ยังอยู่ในวิถีการเมืองแบบสภา
ยิ่งแนวคิดนี้เชื่อมโยงกับเสียงเรียกร้องของประชาชนวงกว้าง ที่เดือดร้อนอย่างมากจากโควิดอีกด้วย
ยากลำบากเพราะผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ จัดหาวัคซีนมาล่าช้าอย่างชัดเจน จนทำให้เกิดการแพร่ระบาดหนัก และทำให้เศรษฐกิจโดนล็อกตามไปด้วย
ประชาชนจึงเรียกร้องการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ด้วยหวังในคนใหม่ๆ เข้ามาบริหารประเทศเพื่อแก้วิกฤตทั้ง โรคภัยและปากท้อง
ก่อนการลงมติไม่ไว้วางใจ ได้เกิดคำถามว่า ส.ส.ในสภา ได้ยินเสียงชาวบ้านที่ทุกข์ยากหรือไม่
จะโหวตโดยฟังเสียงประชาชนที่กำลังลำบาก หรือโหวตเพื่อรักษาอำนาจของรัฐบาล!?!
การสั่งปลดรัฐมนตรี เพราะปัญหาจากการเมืองในสภา ที่เชื่อมโยงถึงความทุกข์ของชาวบ้าน และอยู่ในกติกาประชาธิปไตยอันชอบธรรมเช่นนี้
จึงกลายเป็นปัญหาลุกลามบานปลายที่ย้อนกลับไปยังนายกฯ เองมากกว่า!!