คอลัมน์ ชกไม่มีมุม

โดย…วงค์ ตาวัน

ย้อนดูประวัติศาสตร์ ขั้นตอนก่อนการฆ่า

ในวันที่ 5 ตุลาคม 2519 หรือเมื่อ 45 ปีที่แล้ว สังคมไทยในยุคที่ยังไม่มีอินเตอร์เน็ต ไม่มีมือถือ ไม่มีโซเชี่ยล ทำให้สื่อหนังสือพิมพ์และวิทยุ ยังมีอิทธิพลต่อชาวบ้านอย่างมาก

ในวันนี้เมื่อ 45 ปีก่อน หนังสือพิมพ์ดาวสยามและสถานีวิทยุยานเกราะรวมทั้งสถานีวิทยุในเครือข่ายกองทัพ กำลังโหมประโคมภาพข่าว การแสดงละครของนักศึกษาในธรรมศาสตร์ ว่าเป็นการดูหมิ่นเบื้องสูง

นำมาสู่การรวมตัวของกลุ่มมวลชนที่ต่อต้านนักศึกษา มวลชนฝ่ายขวา เพื่อเรียกร้องให้จัดการกับศูนย์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยอย่างเด็ดขาด

จากนั้น เช้ามืดวันที่ 6 ตุลาคม 2519 มวลชนฝ่ายขวาปิดล้อมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งมีนักศึกษาประชาชนหลายพันคนชุมนุมที่สนามฟุตบอล ต่อต้านการกลับประเทศของจอมพลถนอม

ก่อนที่กองกำลังฝ่ายรัฐบุกเข้าไปกระหน่ำยิงด้วยอาวุธสงคราม ตามมาด้วยการนำร่างนักศึกษามากระทำทารุณสารพัด โดยมวลชนที่อารมณ์ถูกปลุกปั่นจนคลั่งแค้นอย่างหนัก

กลายเป็นเหตุการณ์ฆ่าหมู่กลางเมืองที่โหดร้าย ภาพศพที่ถูกแขวนกับต้นไม้ แล้วใช้เก้าอี้ฟาด คือหนึ่งในสัญลักษณ์ความรุนแรงป่าเถื่อน!

การแสดงละครที่ธรรมศาสตร์ในวันที่ 4 ตุลาคม 2519 เพื่อสะท้อนเหตุการณ์ฆ่าแขวนคอ 2 ช่างไฟฟ้าที่นครปฐม เหตุเกิดในวันที่ 24 กันยายน ขณะออกติดโปสเตอร์รณรงค์ต่อต้านถนอม 1 ใน 3 ผู้สั่งฆ่า 14 ตุลาคม 2516

แต่หนังสือพิมพ์ฝ่ายขวา ในวันที่ 5 ตุลาคม มีภาพการแสดงละครที่เหมือนเจ้าฟ้าชาย

แล้วดาวสยามกับยานเกราะ ก็ทำหน้าที่ปลุกปั่นสังคม จนนำไปสู่การฆ่าในอีกวันถัดไป

อันที่จริงแผนกวาดล้างขบวนการนักศึกษา มีมาตลอดในช่วงนั้น เริ่มออกมาปูกระแสเรื่องฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป ต้องยอมสูญเสียนักศึกษาจำนวนหนึ่งเพื่อให้ประเทศสงบ

หนังสือพิมพ์ชาวไทย หนึ่งในสื่อฝ่ายขวา เปิดชื่อคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ล่วงหน้านับเดือน ว่าจะต้องเข้ามาแก้ปัญหาจัดการกับพวกฝ่ายซ้าย

แล้วก็เกิด 6 ตุลาฯ พอเข่นฆ่าเสร็จ ก็มีคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินเข้ามายึดอำนาจ ครบสูตร!

ที่สำคัญ คนที่ร่วมเข่นฆ่าในวันนั้น ไม่มีใครโดนดำเนินคดีแม้แต่คนเดียว บ่งบอกว่ามีใบอนุญาตฆ่า ให้ความคุ้มครองได้สมบูรณ์แบบ

อีกทั้งอธิบายได้ว่า ทำไมรัฐจึงพยายามลบเลือนเหตุการณ์นี้ ไม่ยอมให้มีบันทึกเป็นทางการ

แต่การปราบปรามเข่นฆ่าก็ล้มเหลว ที่ตามมาหลังจากนั้น คือการเข้าป่าจับปืนของนักศึกษาหลายพันคน เมื่อไม่ยอมให้สู้อย่างสันติ ก็กลายเป็นสงคราม

คอมมิวนิสต์ยิ่งขยายใหญ่โต รุกคืบเข้ามาใกล้กรุงเทพฯ เรื่อยๆ

จนต้องแก้ไขด้วยการใช้แนวทางการเมืองนำการทหาร ยอมเปิดเวทีสันติ ยอมให้คนคืนเมืองโดยไม่มีความผิดทางกฎหมายใดๆ สงครามจึงยุติลงได้

ขณะที่รัฐกลบเกลื่อนให้ลืมเลือน ก็มีแต่ฝ่ายนักศึกษาประชาชน ที่จัดงานรำลึกทุกปี เผยแพร่ข้อเท็จจริง รวบรวมพยานหลักฐาน

เพื่อยกย่องคนที่ถูกฆ่าทารุณ ทวงความเป็นธรรม และตอกย้ำประวัติศาสตร์ เพื่อเตือนสติว่า อย่าได้ทำเช่นนี้อีก!

ทำแล้วอีกฝ่ายไม่ได้สยบ พากันเข้าป่าไปจับปืนสู้ ยิ่งไปกันใหญ่

ผ่านมา 45 ปี คนหนุ่มสาวยุคนี้ ก็ยังต่อสู้กันต่อไป ที่ใช้มาตรการจับแหลกยัดเข้าคุก บอกได้เลยว่า ยากจะหยุดและไม่มีใครสยบยอมหรอก!?!!

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน