“วงค์ ตาวัน”
คดีเจ้าหน้าที่ยิงคนตายคารถขณะขับผ่านด่านตรวจชุมชนบ้านแม่ต๋ำ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย เมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ซึ่งได้ข้อสรุปชัดเจนแล้วว่า เป็นเจ้าหน้าที่ทหาร มอบตัวดำเนินคดีเรียบร้อยแล้ว
เท่ากับว่า ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านที่ถูกจับกุมคนแรก ใช้ปืน 9 ม.ม.ยิงขึ้นฟ้า
ส่วนเจ้าหน้าที่ทหาร ใช้เอ็ม 16 และเป็นกระสุนที่ทำให้เสียชีวิต
ยอมรับสารภาพว่ายิงจริง แต่อ้างว่าไม่เจตนายิงให้ถูกตัวคน
แต่ที่แน่ๆ การตรวจวิถีกระสุนของกองพิสูจน์ หลักฐาน ชี้ว่าเป็นการยิงในแนวระนาบ ก็คือยิงทะลุกระจกหลังรถเข้าไป
ปัญหาก็คือ ทั้งที่ยิงขึ้นฟ้า และที่ยิงใส่แนวราบนั้น มีเหตุอันควรหรือไม่!?
เนื่องจากกล้องหน้ารถของเหยื่อเห็นภาพชัดว่า ขณะขับผ่านด่านนั้น แสงไฟไม่ชัด มีชายฉกรรจ์แต่งตัวก็ไม่ชัดว่าเป็นเจ้าหน้าที่โบกมือเรียก
โดยรถเคลื่อนที่ไปไม่เร็วนัก เพียงแต่ไม่ได้จอด ก็คงเพราะไม่รู้ว่าเป็นใคร ด่านอะไร
เท่านี้แหละฝ่ายเจ้าหน้าที่ประจำด่าน ตีความว่าหลบหนีก็เลยลั่นกระสุนปืน
ฟังแล้วน่าเสียวสยองสำหรับสุจริตชนทั่วไปอย่างมาก!!
เดี๋ยวจะถึงสงกรานต์อีกแล้ว ถ้าไม่มีการทบทวนเรื่องด่านตรวจว่าควรเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญโดยตรง
เราควรจะจอดรถลงไปก้มกราบก่อน เพื่อขอชีวิตหรือไม่!?
ยิ่งเป็นกระสุนจากเจ้าหน้าที่ทหาร ก็ยิ่งมีคำถามเรื่องความเชี่ยวชำนาญเรื่องการตรวจค้นในเมือง
เหมือนด่านตรวจยาเสพติดของทหารที่ยังเป็นคดีคาราคาซัง จับตายหนุ่มเยาวชนลาหู่
เทียบกับด่านตรวจของตำรวจ มีแสงไฟชัดเจน มีไฟวับวาบเห็นแต่ไกล มีป้ายบอกว่าตำรวจที่ไหน ใครเป็นหัวหน้า
ตรวจอย่างมืออาชีพ เพราะฝึกฝนมาโดยตรง
เราต้องการด่านแบบนี้มากกว่า!
ก็ไม่ต่างกับหลักการปราบม็อบทั่วโลก ใช้ตำรวจปราบจลาจล แก๊สน้ำตา ลดความสูญเสีย
แต่รัฐบาลบางยุค อ้างว่ามีก่อการร้ายในม็อบ ใช้ทหารพร้อมกระสุนจริง
ตายไป 99 ศพ ไม่มีก่อการร้ายแม้แต่ศพเดียว
นี่คือการใช้เจ้าหน้าที่หน่วยรบรั้วของชาติ มาทำงานผิดที่ผิดทาง
หนักกว่านั้นเอาทหารมายึดอำนาจอ้างว่าแก้การเมือง ยิ่งถอยหลังไปสุดกู่!