ศึกแดงเดือดนอกเกาะอังกฤษ ที่ 2 สโมสรชั้นนำแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดกับลิเวอร์พูล มาฟาดแข้งกันในประเทศไทย บนสนามหญ้าราชมังคลากีฬาสถาน ผ่านพ้นไปแล้วด้วยดี สร้างความประทับใจให้กับทุกฝ่าย แฟนผีแฟนหงส์ปลื้มอกปลื้มใจกันไปถ้วนหน้า
ในแง่การวิจารณ์เกมฟุตบอล หรือรายละเอียดการจัดแข่งขัน ก็ว่ากันไปส่วนหนึ่ง
แต่อีกส่วนที่มีการนำมาพูดถึงไม่น้อย ก็คือ ความคิดเห็นจากนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
โดยโฆษกรัฐบาลได้นำมาเปิดเผยในเช้าวันแข่งขันว่า พล.อ.ประยุทธ์ แสดงความชื่นชมคณะผู้จัดงาน ที่สามารถนำทีมดังระดับโลกมาแข่งขันในประเทศไทยได้ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพความพร้อมของประเทศไทย ทำให้สโมสรดังระดับโลกตัดสินใจเดินทางมาแข่งขัน
เป็นการสร้างความสุขให้คนไทยพร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวด้วย
นายกรัฐมนตรียังฝากให้คอบอลทุกคนที่ไปชมติดขอบสนาม ขอให้ชมและเชียร์การแข่งขันอย่างสนุกมีน้ำใจนักกีฬา!?!
เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์คำพูดของนายกฯ ตามมาทันที
ประการแรก ก่อนหน้านี้ผู้จัดงานได้ขอการสนับสนุนจากรัฐบาล แต่ได้รับการปฏิเสธ ซึ่งก็มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ เพราะหากนำงบประมาณรัฐบาลมาใช้ในกรณีนี้ ก็อาจจะถูกคัดค้านได้เช่นกัน
เพียงแต่เมื่อรัฐบาลไม่ช่วย แล้วมาพูดถึงความสำเร็จในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ฟังแล้วก็กระไรอยู่!
ยิ่งไปกว่านั้น ประเด็นที่นายกฯ พูดแล้ว เรียกทัวร์มาลงดีๆ นี่เอง
คือการขอให้คนไทยมีน้ำใจนักกีฬา ซึ่งเป็นเรื่องที่พูดเมื่อไหร่ก็เข้าตัวคณะผู้มีอำนาจปัจจุบันอย่างมาก
โดนขุดย้อนไปถึงการเข้าสู่อำนาจ ด้วยกองกำลังปืนและรถถัง
อ้างว่า เราจะทำตามสัญญาขอเวลาอีกไม่นาน แต่ก็อยู่ยาวถึง 5 ปี
พอเปิดให้มีการเลือกตั้ง ก็เอา 250 ส.ว.มาโหวตให้เป็นนายกฯ ต่อไป ซึ่งอันนี้โดนเต็มๆ กับคำว่าน้ำใจนักกีฬา!
เพราะน้ำใจนักกีฬา มนต์เสน่ห์ของการแข่งขันกีฬา คือ การต่อสู้ด้วยฝีมือความสามารถ ท่ามกลางกฎกติกาที่เที่ยงธรรม
นักกีฬาที่เป็นคู่แข่งขัน จะต้องสู้กันอย่างสุดฝีมือ ท่ามกลางกติกา กรรมการ ที่เป็นกลางเที่ยงธรรม
แล้วการเมืองไทยในยุคปัจจุบันเป็นเช่นไร
เห็นกติกาที่ฝ่ายหนึ่งได้เปรียบทุกอย่าง เห็นกรรมการกลาง เห็นองค์กรอิสระต่างๆ
มาล่าสุดก็กดปุ่มสั่งเปลี่ยนสูตรคำนวณส.ส.แบบบัญชีรายชื่อแบบดื้อๆ
หาร 100 กันอยู่ดีๆ ก็สั่งพลิกเป็นหาร 500 เพราะกลัวอีกฝ่ายชนะแลนด์สไลด์
จะพูดอะไรก็พูดเถอะ แต่เลิกได้แล้วกับคำเรียกร้องคนอื่นให้มีน้ำใจนักกีฬา!!
วงค์ ตาวัน