เรียกได้ว่าไม่พลิกโผ เนื่องจากชื่อของพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ได้รับการวางตัวให้ขึ้นเป็นผบ.ตร.คนที่ 13 มาตั้งแต่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังไม่โดนหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ มีการปรึกษาหารือกับพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ปัจจุบัน เห็นพ้องต้องกันว่าคนนี้แหละเหมาะสุด
เมื่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มาทำหน้าที่รักษาการนายกฯ และนั่งเป็นประธานก.ต.ช. ก็ลงมติเลือก พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ไม่มีพลิก
ดังนั้นตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม เมื่อบิ๊กปั๊ด ครบเกษียณอายุ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเข้าสู่ยุคของบิ๊กเด่น
แล้วถ้าดูภารกิจที่รับผิดชอบในช่วงเป็น รองผบ.ตร. ต้องนับว่า เหมาะกับการรับมือภัยอาชญากรรมที่กำลังคุกคามประชาชนรุนแรงที่สุด
โดยงานที่โดดเด่นของบิ๊กเด่น คือเป็นผู้รับผิดชอบการปราบปรามอาชญากรรมทางไซเบอร์ มีผลงานทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาหลายแก๊ง!
คงได้เห็นข่าวกันบ่อยๆ บิ๊กเด่นในฐานะผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ นำทีมสืบสวนและบุกทลายขบวนการคอลเซ็นเตอร์ มหาภัยแห่งยุคดิจิตอล
ขยายผลไปถึงรังใหญ่ในกัมพูชา
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ จับมือกับผู้นำตำรวจกัมพูชาข้ามแดนเข้าไปจับกุมถึงฐานปฏิบัติการของแก๊งโจรไซเบอร์ หนล่าสุดจับกุมรวดเดียวถึง 94 ราย
นอกจากนี้ยังกวาดล้างเครือข่ายพนันออนไลน์ คดีค้าอาวุธปืนออนไลน์ คดีแก๊งปล่อยเงินกู้
ที่โดดเด่นของบิ๊กเด่นอีกอย่าง คือผลักดันการรับแจ้งความผ่านระบบออนไลน์!
ทั้งนี้มาจากแนวคิดของพล.ต.อ.สุวัฒน์ ผบ.ตร.คนปัจจุบัน ที่ต้องการให้พลิกโฉมรูปแบบการรับแจ้งความ
เอาให้ทันสมัย ทันโลกยุคใหม่
อีกทั้งเป็นยุคที่ชาวบ้านโดนต้มตุ๋นล้วงเอาเงินจากบัญชีแทบทุกเวลานาที ผู้เสียหายมีมากมายทั่วมุมเมือง
จึงต้องมีระบบแจ้งความที่รวดเร็วฉับไวเพื่อรองรับความเดือดร้อนของประชาชน
รวมทั้งทำให้มองเห็นตัวเลขสถิติคดีออนไลน์ และแยกแยะรูปแบบของคนร้ายออกมาได้ชัด เห็นความเชื่อมโยงของคดี ติดตามอายัดเงินในบัญชีได้รวดเร็วขึ้น
ขณะเดียวกันเร่งสร้างตำรวจให้ทันสมัย เพิ่มพูนความรู้ด้านสู้โจรออนไลน์ ทำข้อตกลงขอทุนจากกระทรวง อว.ส่งตำรวจไปเรียนหลักสูตรด้านไซเบอร์ในหลายประเทศที่พัฒนาก้าวหน้าด้านนี้
เหล่านี้ที่ทำให้บิ๊กเด่น ได้รับเลือกเป็นผบ.ตร.คนใหม่
2 ปีที่ผ่านมาในยุคบิ๊กปั๊ด ได้ยกระดับวงการตำรวจในด้านเทคโนโลยีทันสมัย สร้างนักสืบสวนยุคดิจิตอลมากมาย
ได้บิ๊กเด่น ที่เชี่ยวชาญอาชญากรรมไซเบอร์มารับเก้าอี้ต่อ
คงพอจะเท่าทันภัยโจรยุคออนไลน์ได้ดี!
วงค์ ตาวัน