รัฐบาลต้องไม่ลืมว่า ทั่วทั้งสังคมไทยกำลังจับตามอง กรณีผลสะเทือนจากเหตุการณ์อดีตตำรวจคลั่งฆ่า 37 ศพจะมีการสรุปบทเรียนอย่างเป็นจริง พร้อมกับมีมาตรการแก้ปัญหายาเสพติดที่ขายกันเกลื่อน เร่งบำบัดคนเสพยาจนกลับมาเป็นปกติ รวมไปถึงการควบคุมอาวุธปืน หยุดปัญหาอาวุธปืน ได้อย่างเป็นรูปธรรมและมีการยกระดับเป็นวาระสำคัญแท้จริงได้หรือไม่

จะต้องไม่เป็นแค่คำพูดที่พูดกันไปตามสูตรจะต้องไม่เป็นแค่ไฟไหม้ฟาง ต่อไปอีกแล้ว

แต่ก็ยังพอเห็นความหวังอยู่บ้าง จากการขยับอย่างฉับไวของสำนักงานตำรวจแห่งชาติยุคพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ออกมาตรการสั่งการเร่งด่วน ให้ตำรวจทุกหน่วยเดินเครื่อง

จากนั้นผบ.ตร.ยังจับมือร่วมกับนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดมหาดไทย ใช้เครือข่ายในมือทั้งสองหน่วยที่อยู่ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ

ทั้งระดมข้อมูลเจาะลึก ค้นหาผู้ค้า ผู้เสพ ทั้งป้องกันทั้งปราบปรามและทั้งบำบัดคนเสพ

โดยกำหนดแผนทำงานร่วมกัน ทั้งฝ่ายปกครอง ฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ ทหาร ป.ป.ส. และสาธารณสุข!

ฟังดูแล้วก็น่าสนใจ ให้ความหวัง ถ้าหากทำงานกันพร้อมหน้าอย่างจริงจัง

ไม่ใช่แค่กำหนดแผนเลื่อนลอย

หวังว่าจากนี้ไปประชาชนจะได้เห็น ผู้ว่าฯ นายอำเภอ ผู้นำอบจ. อบต. ไปจนถึงผู้การตำรวจจังหวัด ผู้กำกับโรงพักต่างๆ ร่วมมือกันหยุดปัญหาใหญ่ของสังคม

ไปจนถึงป.ป.ส. และแวดวงสาธารณสุข ก็ขาดไปไม่ได้

ตรวจสอบทั้งสังคมวงกว้าง และไม่เว้นในหมู่เจ้าหน้าที่รัฐ ต้องไม่เสพยาคลั่งยาเสียเอง!

ที่สำคัญ มีเสียงสะท้อนเกิดขึ้นมากมายจากเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ

ที่ผ่านมา จับกุมผู้เสพ แล้วเข้าสู่ขั้นตอนการบำบัด

เอาเข้าจริงๆ ระบบของสาธารณสุขก็ต้องแบกรับคนไข้ล้นมือ จนไม่อาจรองรับภารกิจบำบัดผู้เสพยาได้ดีพอ!

เมื่อตำรวจจับผู้ครอบครองยาบ้าจำนวนน้อย เข้าข่ายเป็นผู้เสพ ไม่ใช่ผู้ค้า ต้องนำตัวส่งสาธารณสุขเพื่อเข้ากระบวนการบำบัด

แค่ไม่กี่วัน ก็เห็นกลับมาใช้ชีวิตดังเดิม เสพดังเดิมเพี้ยนคลั่งดังเดิม

แถมวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ก็ติดขัด ทั้งที่คนเมายาไม่มีเลือกวัน

ดังนั้นเพื่อให้การคลี่คลายปัญหายาเสพติดที่ทำท่าเอาจริงเอาจังกันทั้งระบบหนนี้ บรรลุเป้าหมาย

นอกจากสืบจับปราบปรามจริงจัง

การบำบัดคนเสพให้กลับมาปกติก็ต้องยกระดับครั้งใหญ่ ที่ผ่านมาระบบยังรองรับไปได้ไม่ดีพอ

ถึงเวลาต้องเปิดสถานที่บำบัดคนติดยาเป็นการเฉพาะในทั่วทุกภาคแล้ว!

วงค์ ตาวัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน