ศาลอาญาได้มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ตัดสินยกฟ้อง นายกิตติศักดิ์ หรืออ้วน สุ่มศรี และนายปรีชา อยู่เย็น 2 จำเลยที่ถูกกล่าวหาว่า เป็น “ชายชุดดำ” พยายามฆ่าเจ้าหน้าที่ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งมีอาวุธสงคราม ในเหตุการณ์เมื่อคืนวันที่ 10 เมษายน 2553
คำฟ้องระบุว่า จำเลยทั้งสองใช้อาวุธปืนและเครื่องยิงลูกระเบิดยิงไปที่ถนนข้าวสาร หลายนัดหลายลูก ใส่เจ้าพนักงานทหาร เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายทุพพลภาพและบาดเจ็บจำนวนมาก
ต่อสู้คดีมา 10 กว่าปีแล้ว ลงเอยศาลพิพากษายกฟ้องจำเลย เพราะพยานหลักฐานโจทก์รับฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง
คดีที่เพิ่งยกฟ้องนี้ เรียกกันว่าคดีชายชุดดำภาค 2
เพราะนายกิตติศักดิ์หรืออ้วน และนายปรีชา รวมทั้งอีก 3 จำเลย ถูกฟ้องข้อหาเป็นชายชุดดำ ขนอาวุธสงครามจำนวนมาก เข้าไปที่บริเวณแยกคอกวัว ในคืนวันที่ 10 เมษายน 2553
แล้วเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564 ศาลฎีกามีคำพิพากษายกฟ้องจำเลยคดีชายชุดดำภาค 1 ไปก่อนแล้ว!
เหตุการณ์ที่นำมาสู่คดีชายชุดดำทั้ง 2 ภาค เกิดเมื่อคืนวันที่ 10 เมษายน 2553 ในคืนนั้นก็มีฝ่ายผู้ชุมนุมถูกยิงด้วยกระสุนปืนตายไปถึง 21 ศพ ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิต 5 ราย
ความรุนแรงจากการชุมนุมเรียกร้องยุบสภา ในปี 2553 นั้น เริ่มจาก 10 เมษายน ไปจบลงในวันที่ 19 พฤษภาคม ตายไป 99 ศพ
มีแต่ฝ่ายเสื้อแดงที่ถูกจับกุมดำเนินคดี กล่าวหาว่าเป็นชายชุดดำยิงทหาร กล่าวหาว่าเป็นพวกเผาห้างที่เรียกกันว่าเผาบ้านเผาเมือง
สู้คดีกันยืดเยื้อยาวนาน แต่ลงเอยยกฟ้องไปส่วนใหญ่
คดีเผาห้าง ก็ยกฟ้องไปแล้ว บ่งบอกว่าวาทกรรมเสื้อแดงเผาบ้านเผาเมือง ควรเลิกได้แล้ว!!
มาล่าสุดคดีชายชุดดำภาค 2 เพิ่งยกฟ้อง
เช่นเดียวกับคดีชายชุดดำภาคแรก
แต่คดีฝ่ายเจ้าหน้าที่ยิงผู้ชุมนุม ยังไม่เคยนำขึ้นฟ้องต่อศาล ทั้งที่มีการไต่สวนชี้ไปแล้วว่า มีเจ้าหน้าที่ทหารยิงผู้ชุมนุมจริง!
เหตุการณ์นองเลือดปี 2553 ยืดเยื้อกว่าเดือน ตายไป 99 ศพ ส่วนใหญ่เป็นฝ่ายผู้ชุมนุมเสื้อแดง
แม้แต่นายทหารฝ่ายผู้ชุมนุม เสธ.แดง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ก็ถูกยิงอย่างอุกอาจ
แต่ไม่เคยจับกุมคนยิงได้ ทั้งยิงเสธ.แดง และยิงผู้ชุมนุม
มีแต่ฝ่ายเสื้อแดงที่ถูกจับกุมในข้อหายิงเจ้าหน้าที่บ้าง เผาสถานที่ต่างๆ บ้าง
ขณะที่มีหลักฐานระบุได้ว่า เจ้าหน้าที่ทหารยิงผู้ชุมนุมจริง ปรากฏในผลการไต่สวนชันสูตรศพ
ศาลชี้ผลไว้แล้ว 17 ศพผู้ชุมนุม ที่ระบุได้ว่ายิงโดยเจ้าหน้าที่ทหารหรือยิงจากฝั่งทหาร แต่ไม่เคยนำสำนวนคดีเหล่านี้ไปพิสูจน์ต่อในศาลอาญา
เอาเข้าจริงๆ มีแต่ความยุติธรรมมาตรฐานเดียวเท่านั้น ที่จะทำให้หลุดพ้นจากความขัดแย้งแตกแยกได้!
วงค์ ตาวัน