ใกล้จะเข้าสู่เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่แล้ว เมื่อพูดถึงปีใหม่ ต้องมาพร้อมกับของขวัญ เป็นสัญลักษณ์ เป็นคุณค่าความสุขที่จะมอบให้กัน

ข่าวหลายกระแสยืนยันว่า บิ๊กป้อม หรือพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เคยกล่าวเอาไว้ว่า

จะยุบสภาในช่วงเดือนธันวาคม เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชนคนไทย!

ทำไมการยุบสภา จึงเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับคนไทยทั้งประเทศ

เพราะเป็นการยุติการเมืองในยุคปัจจุบัน เตรียมตัวเข้าสู่การเมืองสมัยต่อไป ย่อมหมายถึงการเปลี่ยนแปลงไปสู่ สิ่งใหม่ มีโอกาสที่จะดีขึ้นกว่าเดิม ดีกว่าจมอยู่กับสิ่งเดิม ที่ล้าหลัง

สำคัญสุด การยุบสภาคือการคืนอำนาจกลับมาสู่มือประชาชน เพื่อตัดสินใจอนาคตของบ้านเมือง!!

การคืนอำนาจกลับมาให้ประชาชนเช่นเราๆ ท่านๆ บ่งบอกถึงความสำคัญของอำนาจในมือประชาชน ทำให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในทางการเมืองอย่างเป็นรูปธรรม

มีแต่ระบบประชาธิปไตย และการเลือกตั้ง ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้ตัดสินใจชะตากรรมประเทศชาติ ได้อย่างเป็นจริง

การยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชน จึงเป็นของขวัญชิ้นสำคัญในเทศกาลปีใหม่นี้!

นอกจากจะเป็นโอกาสให้ประชาชนได้ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงการเมืองไปสู่สิ่งใหม่ๆ แล้ว

การเลือกตั้ง ยังเป็นช่วงเวลาในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้เจ้าของกิจการต่างๆ ให้ชาวบ้าน ได้รับผลคึกคักทางธุรกิจการค้าอย่างถ้วนหน้า!!

ไม่ได้หมายถึงการใช้เงินซื้อเสียง ทำให้เงินสะพัดอะไร แบบนั้น

เพราะกิจกรรมต่างๆ ในการหาเสียง มีผลต่อธุรกิจสารพัด เช่น การพิมพ์โปสเตอร์ การทำป้าย ต้องมีลูกจ้างออกติดตั้งสื่อหาเสียง

รถราขายดี ใช้เดินทางปราศรัย เติมน้ำมัน ซื้อข้าวของ เครื่องใช้ โรงแรมที่พัก ร้านอาหารต่างๆ ได้รับผลได้ รับรายได้ไปตามๆ กัน

การยุบสภาจึงเป็นของขวัญปีใหม่ ทั้งในแง่การได้อำนาจกลับคืนมาของเราๆ ท่านๆ ไปจนถึงการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง!

ขณะเดียวกัน การเมืองในยุคที่บางพรรคใช้นโยบายเป็นจุดหลัก เท่ากับเป็นการยกระดับการเมือง ทำให้ประชาธิปไตยมีผลต่อชีวิตความเป็นอยู่จริง ประชาธิปไตยกินได้จริง

นั่นจึงทำให้การซื้อเสียงด้วยเงินไม่กี่ร้อย ลดความสำคัญลงไปอย่างมากแล้ว

ที่ว่า การเลือกตั้งมีผลให้เงินสะพัด หมายถึงธุรกิจต่างๆ แรงงานต่างๆ ไม่ได้หมายถึงเงินซื้อเสียงจะสะพัดแต่อย่างใด

น่าสนใจที่บิ๊กป้อม เป็นคนที่มองเห็นว่า การยุบสภาคือของขวัญปีใหม่ให้ประชาชนไทย

แต่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มองคนละมุม จะยื้ออำนาจต่อไป จนถึงเดือนมีนาคมหน้า แถมเพิ่งตั้งคนใกล้ชิดเป็นรัฐมนตรี ก็คงจะได้ทำอะไรต่อมิอะไรได้อีก ไม่ยอมหยุดง่ายๆ

เช่นนี้แล้ว ใครที่เข้าใจประชาชนมากกว่ากัน !

วงค์ ตาวัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน