อ่านจากผลโพลของเครือมติชนที่จับมือร่วมกับเดลินิวส์ อันเป็นการผนึกกำลังของ 2 สื่อใหญ่ของไทย จะพบว่า กระแสของพรรคก้าวไกล และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มาแรงอย่างมากๆ

เป็นกระแสความนิยม ด้วยเสียงโหวตของประชาชน จำนวนมากกว่า 1.6 แสนคน ผ่านสื่อเครือมติชนและเดลินิวส์ ที่เปิดโหวต 2 รอบ!

ถือได้ว่า เป็นจำนวนผู้โหวตที่มากและกว้างขวางครอบคลุมเป็นอย่างมาก

ขณะที่กระแสของพรรคเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกฯ ทั้งอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร และเศรษฐา ทวีสิน แม้จะต่ำกว่าก้าวไกล แต่ก็คือลำดับถัดมา

ภาพรวมแล้วถือว่าเป็นกระแสที่มาแรงของ 2 พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย

กระแสพรรคประชาธิปไตย ที่ทิ้งห่างพรรคฝ่ายลุงๆ เป็นอันมาก!!

แต่แน่นอนว่า สำหรับก้าวไกลและเพื่อไทยแล้ว ยังมีรายละเอียดที่ต้องติดตามกันต่อไป

ช่วงเวลาที่เหลืออีก 2 สัปดาห์ก่อนเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม ยังเป็นช่วงแห่งการลุยเก็บคะแนน ดึงความนิยมจากประชาชนให้เพิ่มมากขึ้น

พูดง่ายๆ ว่า ทั้งก้าวไกลและเพื่อไทย ถือเป็นพรรคที่มีกระแสแรงสุดในขณะนี้ ส่วนใครจะชนะเป็นอันดับ 1 หรืออันดับ 2 ตัดสินกันในวันประชาชนเดินเข้าคูหา

อีกทั้งยังน่าสนใจว่า ยังมีโพลที่สำรวจโดยอีกหลายสำนัก

โพลที่พบว่าเพื่อไทยมาแรงเหนือกว่าก้าวไกลก็มีเช่นเดียวกัน นั่นบ่งบอกว่า 2 พรรคนี้แหละ ที่ครองความนิยมจากประชาชนสูงสุดในเวลานี้!

ปัจจัยสำคัญอีกประการในสนามเลือกตั้งจริงก็คือ ระบบหัวคะแนน ระบบเครือข่ายบ้านใหญ่ อันเป็นจุดที่พรรคเพื่อไทยยังมีอยู่

นั่นแปลว่า กระแสในเมืองหลวง กระแสในเมืองใหญ่ กระแสในเขตอำเภอเมืองทุกจังหวัด อาจจะหนักไปที่ก้าวไกล

แต่กระแสในพื้นที่รอบนอก ยังเป็นฐานมวลชนอันกว้างใหญ่ของเพื่อไทย!

ในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้าย ทั้ง 2 พรรคยังต้องเร่งเก็บเกี่ยวคะแนน ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อพลิกสถานการณ์กันต่อไป

เพียงแต่น่าจะสรุปได้ว่ามั่นใจได้แล้วว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนของการเมืองไทย

เพราะพรรคลุงๆ พรรคฝ่ายอนุรักษนิยมการเมือง ยังตาม 2 พรรคประชาธิปไตยแบบทิ้งห่าง

ทั้งวัดผ่านโพลที่ครอบคลุมกว้างขวาง โดยเครือมติชนและเดลินิวส์ ผ่านการโหวตจากประชาชนกว่า 1.6 แสนราย

ทั้งวัดผ่านข้อมูลข่าวสารที่ประมวลจากสนามเลือกตั้งจริง

จับสัญญาณได้ชัดเจนว่า เป็นเวลาของฝ่ายประชาธิปไตย ที่จะเข้ามากอบกู้บ้านเมือง พลิกฟื้นเศรษฐกิจให้กลับคืนมา ธุรกิจการค้า รายได้ชาวบ้าน ปัญหาปากท้อง กำลังจะดีขึ้น

หลังจากประชาชนส่วนใหญ่พบแล้วว่า เราไม่ควรเสียเวลาไปถึง 8-9 ปีเลย!!

วงค์ ตาวัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน