ก่อนหน้านี้มีข่าวมาตลอด ให้ระวังสูตรตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย โดยฝ่ายดิ้นรนรักษาอำนาจ อาจจะรวบรวมเสียงของฝ่ายตัวเองที่ไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่ของสภาผู้แทนฯ เอามารวมกับ 250 ส.ว. แล้วชิงโหวตตั้งนายกฯ เพื่อนำไปสู่การตั้งรัฐบาล

แต่ผลการเลือกตั้งที่เสียงของพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย รวมกับพรรคอื่นๆ ในขั้วฝ่ายค้านเดิม ทำให้เป็นเสียงข้างมากของสภาผู้แทนฯ

ตอนนี้กำลังจับมือเจรจาเพื่อตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก

สูตรรัฐบาลเสียงข้างน้อยจึงจบสิ้นไปแล้ว มีแต่รัฐบาลเสียงข้างมาก

แต่ตอนนี้ปัญหาของรัฐบาลเสียงข้างมากคือ มี 310 เสียง ในขั้นตอนโหวตนายกฯ ยังต้องอาศัยอีก 66 เสียงจากส.ว.

รัฐบาลเสียงข้างมาก จึงยังมีอุปสรรค ยังไม่รู้ว่าจะฝ่าด่านส.ว.ไปได้หรือไม่!?

เมื่อพรรคก้าวไกล แกนหลักตั้งรัฐบาล ไม่เอาพรรคฝ่ายอื่นมาร่วม จึงต้องพึ่งเสียงของส.ว.

แต่ตอนนี้มีทีท่าว่า ส.ว.โดยส่วนใหญ่ น่าจะไม่สนับสนุนนายพิธา

แม้จะขอเพียงแค่ 66 ส.ว. ก็สามารถตั้งนายกฯ ได้ แต่ดูเหมือนส.ว.เกือบทั้ง 250 คนนั้น อยู่ในมือของ “2 ป.” จึงน่าจะเป็นเรื่องยาก!

เพราะพรรคของ 2 ลุง ได้เสียงในการเลือกตั้งไม่มากนัก และพรรคก้าวไกลไม่ยอมให้เข้าร่วมแน่นอน

ถึงตอนนี้ การโหวตตั้งนายกฯ จึงยังไม่แน่ไม่นอน รวมไปถึงการตั้งรัฐบาลด้วย!!

พอจะนึกออกว่า ความแหลมคมของพรรคก้าวไกล ทำให้เครือข่ายอำนาจเก่าหวาดผวา

นโยบายหลายอย่างของก้าวไกล กระทบไปรอบทิศ

แต่ก็ต้องยอมรับว่า เสียงส่วนใหญ่ของประชาชนที่ไปเลือกตั้ง เลือกพรรคนี้มาเป็นอันดับ 1

จึงมีสิทธิอันชอบธรรมในการเป็นแกนนำรัฐบาล เป็นนายกรัฐมนตรี

แต่เมื่อฝ่ายเครือข่ายขุนศึกขุนนางยังไม่ยอม จึงแสดงออกผ่านทางท่าทีของส.ว.ว่าจะตั้งป้อมต่อต้าน

ทั้งหลายทั้งปวงสะท้อนให้เห็นถึงกติกาล้าหลังภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับนี้

รวมถึงกรอบความคิดของส.ว.ที่ไม่ฟังเสียงของประชาชนที่ไปเลือกตั้ง

ขณะที่ผลการเลือกตั้ง ทำให้พรรคฝ่ายประชาธิปไตย สามารถตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากได้

แต่รัฐบาลเสียงข้างมาก ยังเจออุปสรรคจากส.ว.เสียงข้างลุง

เสียงของคนหลายล้าน ยังโดนขวางด้วยเสียง 250 คน!

วงค์ ตาวัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน