อย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ กฎกระทรวงกำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ พ.ศ. 2567
เป็นกฎกระทรวงสาธารณสุข ลงนามโดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข
เนื้อหาครอบคลุมถึงยาเสพติดทุกประเภท กำหนดปริมาณของแต่ละชนิดว่ามีครอบครองเท่าไหร่ ให้ถือเป็นผู้เสพ ไม่ใช่ผู้ค้า
แต่จุดสำคัญคงอยู่ที่ยาบ้า เพราะเป็นยาเสพติดที่แพร่หลายมากสุด ราคาย่อมเยา ทำให้คนไทยตกเป็นเหยื่อมากมายมหาศาล
ในประกาศกระทรวงฉบับนี้ สรุปว่าผู้ครอบครองยาบ้าไม่เกิน 5 เม็ดถือเป็นผู้เสพ ถ้าสมัครใจเข้าบำบัดจะไม่ต้องรับโทษ
ถือเป็นความพยายามแยกคนเสพออกจากคนค้า แล้วเอาคนเสพเข้าบำบัด ลดนักโทษคดียาเสพติดที่กำลังล้นคุก!
เมื่อรัฐบาลเศรษฐาเข้ามาบริหารประเทศ มีเป้าหมายใหญ่ประการหนึ่ง คือ แก้ปัญหายาเสพติดให้ได้ผล
ทั้งการปราบปราม จับกุมนักค้ารายใหญ่ แต่พร้อมๆ กันต้องแยกคนเสพออกมาจากคนค้า ไม่ต้องเอาตัวไปคุมขังจนคุกแออัด
เดิมทีกระทรวงสาธารณสุขมีไอเดีย กำหนดให้ครอบครองยาบ้าไม่เกิน 10 เม็ดถือเป็นผู้เสพ แต่โดนค้านหนัก!!
มองว่า 10 เม็ดมากเกินไป จะเข้าทางผู้ค้า เลี่ยงขนยาครั้งละ 10 เม็ด ใช้เป็นกองทัพมด
ลงเอยสรุปที่ไม่เกิน 5 เม็ด และมีประกาศกฎกระทรวงเป็นทางการแล้ว
ประเด็นต่อมา เมื่อต้องการแยกผู้เสพอย่างจริงจังแล้วเน้นส่งบำบัด ต้องมีระบบรองรับที่มีประสิทธิภาพ
หมอชลน่านเคยระบุถึงแผนการ จัดตั้งสถานบำบัดป่วยจากการเสพยา ให้ครบถ้วนทุกอำเภอ ทุกจังหวัด
คงต้องมีอย่างครบถ้วนจริงๆ บุคลากรต้องเพียงพอ พร้อมทำงานได้จริงในทุกวัน ไม่มีหยุดเสาร์-อาทิตย์!!
เพราะมาตรการนี้เคยใช้มาก่อนแล้ว แต่พบว่าระบบรักษาบำบัด ยังไม่เพียงพอ
เมื่อตำรวจจับกุมคนติดยา แล้วส่งบำบัด เกิดปัญหาบางแห่ง ในวันหยุดไม่มีเจ้าหน้าที่รองรับ บางแห่งรับไปรักษาแล้วดูแลไม่เข้มข้น
ผลก็คือ บำบัดไม่กี่วันก็ปล่อยกลับบ้านแบบยังไม่หายขาด แล้วก็หันไปเสพใหม่ ก่อความเดือดร้อนรำคาญให้ชุมชน จนขาดความเชื่อถือระบบรักษาบำบัด
คนก็มักจะเรียกร้องให้จับเข้าคุกไปให้หมด ไม่เห็นด้วยกับการส่งบำบัด!?
ดังนั้นนโยบายแยกผู้เสพของรัฐบาล จะต้องทำให้เห็นผลมีประสิทธิภาพ คนเสพหายขาด กลับมาเป็นคนปกติในสังคม
โดยกระทรวงสาธารณสุขต้องเร่งเพิ่มจำนวนสถานบำบัดให้ทั่วถึง มีเจ้าหน้าที่ครบพร้อม ไม่ขาดแคลนเหมือนที่ผ่านๆ มา
เครดิตในแก้ยาเสพติดของพรรคเพื่อไทย จะได้หรือเสียต้องติดตามกันต่อไป!!
วงค์ ตาวัน