หลังกลับจากลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ แบบลงลึก 3 วัน นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ได้เข้าเยี่ยมแสดงความยินดีกับนายอรุณ บุญชม จุฬาราชมนตรี ที่ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งจุฬาราชมนตรีคนที่ 19 ถือเป็นกิจกรรมที่ต่อเนื่องกันอย่างดี
โดยจุฬาราชมนตรีบอกด้วยว่า การลงพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ของนายกฯ ได้รับการตอบรับที่ดีจากคนในพื้นที่!
ขณะที่นายกฯ เศรษฐา ได้พูดคุยเรื่องการลงพื้นที่และพัฒนาศักยภาพจังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส ซึ่งจุฬาราชมนตรีได้ฝากให้รัฐบาลพัฒนาธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย
เพื่อสนับสนุนการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ
พร้อมกับย้ำว่า พี่น้องชาวมุสลิมมีความรู้สึกที่ดีที่จะมาทำธุรกรรมด้วย และเป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการขยายธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้
เท่ากับว่า การพัฒนาธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย น่าจะเป็นอีกจุดสำคัญต่อไป ในการยกระดับเศรษฐกิจ สร้างโอกาส สร้างรายได้ ตามแนวทางของเศรษฐาในการพัฒนา 3 จังหวัดชายแดนใต้!!
ดูแล้ว การที่นายกฯ เศรษฐา เน้นสร้างเศรษฐกิจ แก้ความเหลื่อมล้ำของคนใน 3 จังหวัดใต้
น่าจะเป็นทิศทางที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องด้วย
ซึ่งจุฬาราชมนตรีได้เสริมในประเด็นการยกระดับธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของคนในพื้นที่!
เป็นข้อเสนอที่นายกฯ เศรษฐา คงต้องขานรับ
เพราะสอดรับกับแนวทางใช้เศรษฐกิจนำความมั่นคง แก้ปัญหาด้านปากท้อง เพื่อความสงบสุขและสันติสุข
แต่ก็นั่นแหละเกิดคำถามตามมาว่า จะเน้นแต่เศรษฐกิจการท่องเที่ยว โดยไม่สนใจการดับไฟใต้หรือ
จริงๆ แล้ว นายกฯ เศรษฐา ยืนยันว่าการยกระดับรายได้ปากท้อง ทำให้ชีวิตดีขึ้น ก็คือ การแก้ปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่
ส่วนการดับไฟใต้ การสร้างความเป็นธรรมในการปกครอง ละเลยหรือไม่
เห็นได้ว่า ก่อนหน้านี้เศรษฐาก็เร่งจัดเจรจาสันติสุข แถมยังตั้งพลเรือนเข้ามาเป็นหัวหน้าคณะเจรจาแทนนายทหาร!!
โดยตั้งนายฉัตรชัย บางชวด รองเลขาฯ สมช. เป็นหัวหน้าคณะเจรจา
แง่นี้นายกฯ เศรษฐา สามารถพูดได้ว่า ไม่ได้ละเลยการเจรจาดับไฟใต้
ที่สำคัญยังแสดงวิสัยทัศน์ที่แจ่มชัดด้วยการให้พลเรือนเป็นหัวหน้าคณะเจรจาอีกด้วย
ดูแล้วน่าจะเป็นแนวโน้มที่ดี อาจจะจบไฟใต้ได้อีกไม่นานนัก
เพราะการแก้การเมืองการปกครองก็ถูกต้อง แต่ต้องแก้เศรษฐกิจปากท้อง แก้ความเหลื่อมล้ำด้านชีวิตความเป็นอยู่ด้วย
ต้องทั้งสร้างความเป็นธรรมด้านการปกครอง และความเป็นธรรมด้านปากท้อง!
วงค์ ตาวัน