บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด

ในช่วงก่อนเปิดเทอมใหญ่เดือนพ.ค.ของทุกปี เป็นช่วงที่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการศึกษาทำการตลาดกระตุ้นการใช้จ่ายจาก ผู้ปกครองอย่างคึกคัก

ทั้งผู้ให้บริการด้านการศึกษา อย่างโรงเรียนเอกชน โรงเรียนกวดวิชา และสถาบันเสริมทักษะต่างๆ รวมถึงผู้ผลิตและ จัดจำหน่ายสินค้าด้านการศึกษา เช่น ชุดนักเรียน หนังสือ อุปกรณ์การเรียน เป็นต้น ส่งผลให้เกิดเม็ดเงินใช้จ่ายจาก ผู้ปกครองสะพัดสู่ธุรกิจต่างๆ ตามมา

สำหรับในช่วงก่อนเปิดเทอมใหญ่ปี 2561 ผู้ประกอบการธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการศึกษาต่างเร่งทำการตลาด เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายจากผู้ปกครองล่วงหน้า และช่วงชิงกำลังซื้อในระยะเวลาสั้นๆ

ในช่วงเปิดเทอมใหญ่ปี 2561 นี้ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ยังไม่ปรับลดค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของบุตรหลาน โดยค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของบุตรหลานส่วนใหญ่คงที่ เมื่อเทียบกับในช่วงเปิดเทอมใหญ่ปีที่แล้ว ยกเว้นค่าชุดนักเรียน ที่ส่วนใหญ่ระบุว่ามีค่าใช้จ่ายลดลง และค่าเรียนเสริมทักษะ เช่น ภาษาต่างประเทศ ดนตรี กีฬา คอมพิวเตอร์ เป็นต้น ที่ส่วนใหญ่ระบุว่ามีค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้น

สำหรับแหล่งที่มาของงบประมาณเพื่อใช้จ่ายด้านการศึกษาของบุตรหลานของกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ 92% เป็นเงินออม รองลงมา 60% ยืมญาติหรือเพื่อน

คาดว่า ในช่วงเปิดเทอมใหญ่ปี 2561 ผู้ปกครองในกรุงเทพฯ และปริมณฑล น่าจะใช้จ่ายด้านการศึกษาสำหรับบุตรหลาน คิดเป็นเม็ดเงินสะพัด 27,500 ล้านบาท ขยายตัว 1.9% เมื่อเทียบกับในช่วงเปิดเทอมใหญ่ปีที่แล้ว

ในจำนวนนี้ แบ่งเป็นค่าเทอม 13,200 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากค่าเทอม (เช่น ค่าบำรุงการศึกษา) 4,600 ล้านบาท ค่ากิจกรรมพิเศษในโรงเรียน 4,300 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายอื่นๆ (เช่น ค่าชุดนักเรียน หนังสือ และอุปกรณ์การเรียน ค่าเรียนกวดวิชา ค่าเรียนเสริมทักษะ ค่าใช้จ่ายอื่นๆ) รวมกัน 5,400 ล้านบาท

ทั้งนี้ แม้การใช้จ่ายด้านการศึกษาสำหรับบุตรหลานในช่วงเปิดเทอมใหญ่ปี 2561 อาจไม่คึกคักเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่การใช้จ่ายของผู้ปกครองกลุ่มที่ไม่กังวลเกี่ยวกับ สภาพคล่องทางการเงินที่มีการใช้จ่ายด้านการศึกษาสำหรับบุตรหลานเพิ่มเติม เช่น ย้ายบุตรหลานจากโรงเรียนรัฐบาลมายังโรงเรียนเอกชน เป็นต้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน