เมืองไทย 25 น

ทวี มีเงิน

ไม่ใช่เรื่องเล็กเสียแล้วสำหรับกรณี “ซัมซุงกาแล็กซีโน้ต 7” ที่เป็นธงนำของค่าย “ซัมซุง” จากเกาหลี เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อสิงหาคม ถัดมาไม่กี่วันปรากฏว่าผู้ใช้หลายรายเจอปัญหา “เครื่องระเบิด” ปัญหาเกิดจาก “แบตเตอรี่” กระทั่งสายการบินทั่วโลกสั่งห้ามผู้โดยสารนำขึ้นเครื่อง ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นท้าทายกึ๋นของผู้บริหารซัมซุงจะเรียกศรัทธาคืนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้หรือไม่ หรือจะกลายเป็นวิกฤตศรัทธาในมาตรฐานสมาร์ตโฟนของซัมซุงไปอีกนาน

ก่อนหน้านี้ “ซัมซุง” ขยี้ “ไอโฟน” จากค่ายแอปเปิ้ลด้วยกลยุทธ์ เน้นเครื่องสวยงาม สเป๊กจัดเต็ม และเทคโนโลยีใหม่ๆ ในที่สุดก็สามารถก้าวขึ้นแท่นเป็นยักษ์ใหญ่มือถืออันดับ 1 ของโลก

แต่เที่ยวนี้โชคร้ายหลังจากเกิดปัญหาเครื่องระเบิด ไม่กี่วันต่อมา “แอปเปิ้ล” ที่เป็นทั้งคู่แข่งคู่กัดก็เปิดตัว “ไอโฟน 7” และ “ไอโฟน 7 พลัส” อย่างพอเหมาะพอเจาะ จนทำให้ยอดขายทะลุเป้าเพิ่มขึ้นถึง 375% ภายใน 3 วัน

อย่างไรก็ตาม ทาง “ซัมซุง” ก็แก้เกมด้วยการแสดงความรับผิดชอบ เริ่มจากแจ้งให้ “สาวกซัมซุง” ให้หยุดใช้งาน แล้วนำเครื่องไปติดต่อศูนย์บริการโดยมีสมาร์ตโฟนสำรองให้ใช้งาน สุดท้ายก็ตัดสินใจเรียกสินค้าคืนจากทั่วโลกทั้งหมด 2.5 ล้านเครื่อง

นับว่าเป็นการบริหารจัดการ “ไครซิสแมเนจเมนต์” เพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับมาได้อย่างทันท่วงที

อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าหลังจากเรียกคืนสินค้าและผู้บริหารออกมาขอโทษแล้วกลับมีการสื่อสารประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับสาวกซัมซุงทั่วโลกน้อยมาก จนแทบไม่น่าเชื่อ หากเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกอื่นๆ วิกฤตหนักขนาดนี้ คงจัดแถลงข่าวชี้แจงกับสื่อมวลชนทั่วโลกอย่างละเอียดยิบ พร้อมทั้งแผนแก้เกมหลังจากนี้จะทำอะไร

จะว่าไปแล้ว วิกฤตเที่ยวนี้หากบริหารจัดการไม่ดี ไม่ใช่แค่กระทบภาพลักษณ์แบรนด์ซัมซุงเท่านั้น แต่อาจจะกระทบถึงภาพลักษณ์อุตสาหกรรมไฮเทคเกาหลีก็เป็นได้ เพราะซัมซุงเป็น 1 ใน 5 บริษัทที่ดีที่สุดของเกาหลี เป็นแหล่งรวมคนหัวกะทิ เป็นความฝันของหนุ่มสาวที่จบมหาวิทยาลัยใหม่ๆ เป็นบริษัทที่ทุ่มเทด้านวิจัยและพัฒนาด้วยงบประมาณมหาศาล มีการทำงานที่แข่งขันกันเองอย่างดุเดือดเลือดพล่านเพื่อเป็นบริษัทชั้นนำของโลก

ที่สำคัญสินค้าซัมซุงมีสัดส่วนอย่างมีนัยสำคัญกับจีดีพีของเกาหลีอย่างไม่อาจปฏิเสธได้

ซัมซุงจะพลิกเกมอย่างไร จะเรียกศรัทธาคืนได้หรือไม่…โปรดอย่ากะพริบตา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน