คอลัมน์ วงล้อเศรษฐกิจ

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics

สํานักงานสถิติแห่งชาติ สำรวจพฤติกรรมการบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและวิตามินของคนไทย มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยปี 2556 คนไทยบริโภคอาหารเสริมและวิตามินคิดเป็น 19.1% เมื่อเทียบกับประชากรทั้งหมด เพิ่มขึ้นจาก 11.7% ในปี 2552 มูลค่าตลาดรวมประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ขยายตัวเฉลี่ย 8% ต่อปี

ส่งผลบวกต่อธุรกิจผลิต ธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารเสริมพร้อมดื่ม (รังนก, ซุปไก่สกัด, ผลไม้สกัดเข้มข้น) อาหารเสริมควบคุมน้ำหนัก ผลิตภัณฑ์ผสมวิตามินและสมุนไพร ให้มียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด และหากเปรียบเทียบกับประเทศตะวันตก เช่น สหภาพยุโรป มีระดับการบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ในสัดส่วนสูงถึง 50-60% ของจำนวนประชากรทั้งหมด ดังนั้น ตลาดยังเติบโตได้อีกมาก

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี ศึกษาข้อมูลการจดทะเบียนนิติบุคคล พบว่าธุรกิจที่เป็นผู้เล่นในตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมีจำนวน 4,852 กิจการ ส่วนใหญ่ 94% เป็นธุรกิจจำหน่ายภายใต้แบรนด์สินค้าของธุรกิจเอง ผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายรูปแบบเดิม เช่น ร้านขายยา ร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ ปัจจุบันได้เพิ่มการขายผ่านออนไลน์และโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก เกาะกระแสเศรษฐกิจดิจิทัลมากขึ้น

ส่วนอีก 6% หรือ 314 กิจการ เป็นธุรกิจรับจ้างผลิตสินค้าให้กับธุรกิจ กลุ่มแรก

ส่วนธุรกิจที่เป็นทั้งผู้ผลิตและจำหน่ายภายใต้แบรนด์สินค้าตัวเองทั้งหมดมีจำนวนน้อยรายและเป็นผู้ประกอบการขนาดใหญ่

ผู้บริโภคอาหารเสริมส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารผ่านแบรนด์สินค้า เนื่องจากผู้จำหน่ายเป็นเจ้าของแบรนด์สินค้าและสร้างแบรนด์ให้มีภาพลักษณ์ที่ดีผ่านการโฆษณา การตลาดหรือพรีเซ็นเตอร์โฆษณา

มองว่าธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจะมีโอกาสประสบความสำเร็จหากนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดและสร้างการยอมรับจากผู้บริโภคได้ในวงกว้าง รวมถึงการเป็นผู้นำตลาดในผลิตภัณฑ์โดยสร้างภาพลักษณ์และความเชื่อถือให้กับแบรนด์สินค้า

ภาพรวมของตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ยังเติบโตได้อีกในอนาคต ผนวกกับผู้ประกอบการสามารถใช้กลยุทธ์ทางธุรกิจได้อย่างเหมาะสม ย่อมทำให้ธุรกิจสามารถแข่งขันและเติบโตอย่างยั่งยืนได้ในระยะยาว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน