TMB Analytics

การรักษา policy space เป็นเรื่องสำคัญในการดำเนินนโยบายการเงิน ในสภาวะที่เศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้ดีและเงินเฟ้อเริ่มขยับขึ้นจากอุปสงค์ในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่เศรษฐกิจต้องเผชิญความเสี่ยงที่จะสูงขึ้นในอนาคต

ทั้งจากเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะเริ่มชะลอลงในปีหน้า สงครามการค้าระหว่างสองประเทศมหาอำนาจอย่างจีน และสหรัฐ อีกทั้งยังมีความกดดันจากสภาพคล่องในตลาด การเงินโลกที่ลดลงจากนโยบายการเงินที่ตึงตัวขึ้นของธนาคารกลางหลัก

ในอนาคต การชะลอของเศรษฐกิจโลกอาจฉุดให้เศรษฐกิจไทยชะลอตามไปด้วย ถึงตอนนั้นอาจต้องลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม หากลดดอกเบี้ยในขณะที่สภาพคล่องในตลาดเงินโลกลดลง และความเชื่อมั่นของนักลงทุนสั่นคลอนจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ อาจทำให้ไทยต้องเผชิญกับเงินทุนไหลออกรุนแรงและฉับพลัน

โดยหากไทยไม่มีการสะสม policy space หรือขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในตอนนี้ เมื่อเกิดวิกฤตขึ้นในอนาคต ธปท.อาจต้อง ลดดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% หมายความว่าดอกเบี้ยจะลดลง ไปอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 1.25% ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดตั้งแต่ที่ ไทยเคยมีดอกเบี้ยนโยบายมา อาจยิ่งทำให้เงินทุนไหลออกรุนแรงมากขึ้น

หากลองเทียบเคียงกับช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ ที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟดปรับแผนการขึ้นดอกเบี้ยจาก 3 เป็น 4 ครั้งใน ปีนี้ และสหรัฐออกมาตรการกีดกันทางการค้าเพิ่มเติมกับจีน แม้ไทยไม่ได้ปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายและยังมีดุลบัญชีเดินสะพัดที่เกินดุลและเงินสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูง แต่นักลงทุนก็ยังไม่มั่นใจและถอนทุนออกจากตลาดหุ้นและบอนด์ไทยสุทธิกว่าแสนล้านบาท ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงกว่า 6% จากสิ้นไตรมาสที่ 1

ดังนั้นมองว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเพื่อเพิ่ม policy space ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ ในช่วงที่เศรษฐกิจไทยขยายตัวดีและอัตราเงินเฟ้อกลับเข้ากรอบเป้าหมายแล้ว เพื่อเตรียมรับมือความเสี่ยงที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคตจากเศรษฐกิจโลกที่จะชะลอลง

แต่จะเป็นการขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยอยู่ที่ระดับ 1.75% และ 2.25% ณ สิ้นปี 2018 และ 2019 ตามลำดับ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน