คอลัมน์ วงล้อเศรษฐกิจ

ฝ่ายวิจัยกรุงศรี บมจ.ธนาคารกรุงศรีอยุธยา

เศรษฐกิจไทยในปี 2559 เติบโตในอัตราสูงสุดในรอบ 4 ปี ที่ 3.2% จาก 2.8% ในปี 2558 ปัจจัยหนุนสำคัญมาจาก การใช้จ่ายภาครัฐและภาคท่องเที่ยวที่เติบโตดีต่อเนื่อง ผนวกกับการกระเตื้องขึ้นของการบริโภคภาคเอกชน

ส่วนเศรษฐกิจไทยปี 2560 คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องที่ 3.3% จาก 3.2% ในปี 2559 โดยมีแรงขับเคลื่อนจาก 4 ด้านสำคัญ

ด้านแรกคือ การบริโภคภาคเอกชนที่คาดว่าจะเติบโตในอัตราใกล้เคียงกับปีก่อน อานิสงส์จากรายได้เกษตรกรที่มีแนวโน้มฟื้นตัวหลังภัยแล้งคลี่คลาย การปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำกอปรกับการปรับโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาใหม่ซึ่งเพิ่มการหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนมากขึ้น ขณะเดียวกันภาระหนี้ครัวเรือนจากโครงการรถคันแรกที่จะทยอยสิ้นสุดลง

สำหรับแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้านที่สอง คือ ความต่อเนื่องของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาทิ การเสริมสภาพคล่องแก่เกษตรกรและ SMEs การจัดทำงบประมาณกลางปีเพิ่มเติมที่ประมาณสองแสนล้านบาทเพื่ออัดฉีดเข้าสู่กลุ่มจังหวัดและกองทุนหมู่บ้านรวมทั้งโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ซึ่งจะเริ่มทยอยก่อสร้างหลังจากหลายโครงการมีการประกวดราคาเสร็จสิ้นแล้ว

นอกจากนี้ ภาครัฐยังเตรียมแผนโครงการลงทุนในระยะยาว เช่น การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีและการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและเอื้อต่อบรรยากาศการลงทุนของภาคเอกชนได้ในระดับหนึ่ง

แรงขับเคลื่อนในด้านที่สาม คือ ภาคส่งออกที่อาจพลิกกลับมาขยายตัวได้เล็กน้อย โดยคาดว่าจะเติบโต 1.8% ส่วนหนึ่งเป็นผลจากปัจจัยทางด้านราคา ประกอบกับการคาดการณ์ปริมาณ การส่งออกที่จะเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า

และแรงขับเคลื่อนสุดท้ายจะยังคงมาจากภาคท่องเที่ยว โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะขยายตัว 8-10% ซึ่งจะ ทำรายได้เข้าประเทศอย่างต่อเนื่อง หลังผลกระทบจากการปราบปรามทัวร์ผิดกฎหมายบรรเทาลง นอกจากนี้ การแนะนำแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ และการขยายเส้นทางการบินของสายการบินต้นทุนต่ำจะยังมีส่วนช่วยหนุนภาคท่องเที่ยวเช่นกัน

โดยภาพรวมแล้วการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มสมดุลและกระจายไปยังหลายภาคส่วนมากขึ้น ขณะที่นโยบายการเงินจะยังอยู่ในระดับผ่อนคลายซึ่งจะช่วยหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน