คอลัมน์ วงล้อเศรษฐกิจ

ฝ่ายวิจัยธุรกิจ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย

การที่โลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคดิจิตอลอย่างเต็มรูปแบบ ได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคไปอย่างสิ้นเชิง และผลักดันให้ภาคธุรกิจต้องปรับตัวเข้าสู่การค้าในโลกยุคดิจิตอล ผ่านเครื่องมือที่เรียกว่า Online Marketplace หรือที่เรารู้จักกันในรูปแบบของอี-คอมเมิร์ซ ซึ่งเป็น กระแสที่กำลังมาแรงทั่วโลกรวมถึงไทย

ทั้งนี้ จากข้อมูลของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) ที่สำรวจมูลค่าตลาดอี-คอมเมิร์ซ ในประเทศไทยโดยการสำรวจผู้ประกอบการ กว่า 5 แสนราย พบว่า ในปี 2559 มูลค่า อี-คอมเมิร์ซ อยู่ที่ราว 2.52 ล้านล้านบาท ขยายตัวเฉลี่ย 48% ต่อปี นับตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา และคิดเป็นสัดส่วนราว 40% ของมูลค่าการค้าสินค้าและบริการทั้งหมดของผู้ประกอบการกลุ่มสำรวจ ซึ่งกระแสดังกล่าวกำลังเปลี่ยนแปลงรูปแบบการค้าส่งค้าปลีกอย่างสิ้นเชิง

ขณะเดียวกัน อี-คอมเมิร์ซ ยังก้าวเข้ามามีบทบาทต่อการค้าระหว่างประเทศมากขึ้นเป็นลำดับ โดยมูลค่าการค้าระหว่าง ประเทศผ่านช่องทางอี-คอมเมิร์ซ หรือที่เรียกกันว่า Cross-border E-Commerce เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดย อาลีบาบา ผู้ประกอบการอี-คอมเมิร์ซ รายใหญ่ของโลกคาดว่า Cross-border E-Commerce ทั่วโลกในปี 2559 จะมีมูลค่าราว 4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นกว่า 30% จากปี 2558

และคาดว่ามูลค่า Cross-border E-Commerce จะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2563 หรือคิดเป็นอัตราขยายตัวเฉลี่ยราว 25% ต่อปี สวนทางกับภาวะการค้าโลกที่กำลังอยู่ในช่วงซบเซา

สำหรับประเทศไทย แม้มูลค่าอี-คอมเมิร์ซ จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วดังที่กล่าวไว้ข้างต้น แต่ส่วนใหญ่เป็นการซื้อขายสินค้าภายในประเทศเป็นหลัก ขณะที่ Cross-border E-Commerce ยังมีไม่มากนัก

ซึ่งจากผลสำรวจของ ETDA พบว่า Cross-border E-Commerce ของไทยใน ปี 2558 มีสัดส่วนเพียง 7% ของมูลค่า อี-คอมเมิร์ซ ทั้งประเทศ ถือว่ายังน้อยเมื่อเทียบกับมูลค่า Cross-border E-Commerce รวมทั้งโลก ซึ่งมีสัดส่วนราว 20% ของมูลค่าตลาด อี-คอมเมิร์ซ ทั้งหมด

ดังนั้น Cross-border E-Commerce จึงถือเป็นความท้าทายและเป็นอีกช่องทางสำคัญสำหรับผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะผู้ส่งออกในการขยายตลาดส่งออกเพื่อช่วยลดผลกระทบจากการส่งออก ในรูปแบบเดิมที่กำลังซบเซา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน