เมืองไทย 25 น

ทวี มีเงิน

ในที่สุดเกมโยนเผือกร้อนก็จบลงเมื่อ “อภิรดี ตันตราภรณ์” รัฐมนตรีพาณิชย์ และ “ชุติมา บุณยประภัศร” ปลัดพาณิชย์ ลงนามในหนังสือคำสั่งให้นำเงินค่าสินไหมทดแทนตามคำสั่งศาลปกครองจากการขายข้าวรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) 4สัญญาปริมาณ 6.2 ล้านตันมูลค่า 2 หมื่นล้านบาท กับนักการเมืองและข้าราชการ ทั้งหมด 6 ราย มีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ นายภูมิ สาระผล พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ และอดีตข้าราชการ มีนายมนัส สร้อยพลอย นายทิฆัมพร นาทวรทัต และนายอัครพงศ์ ทีปวัชระ งานนี้ข้าราชการที่ปฏิบัติตามคำสั่งเจอหนักกว่า

นี่แค่ออร์เดิร์ฟ ยังมีล็อต 2 เป็นคิว “คลัง” ต้องรับเผือกร้อน หาก “บิ๊กตู่” มีคำสั่งมอบหมาย ให้เซ็นคำสั่งศาลปกครองเรียกค่าเสียหายจาก “อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ในโครงการจำนำข้าว อันหลังนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อน ถ้า “พลาด” คนสั่งหรือคนเซ็นอาจต้องเจอวิบากกรรมเสียเอง

แม้จะยืนยันตลอด “ไม่เห็นด้วย” กับนโยบายจำนำทุก รูปแบบซึ่งเสียมากกว่าที่ชาวนาได้ มีการ “รั่วไหล” ในขั้นตอนต่างๆ ค่อนข้างมาก อย่างที่ “ดร.โกร่ง” วีรพงษ์ รามางกูร เคยอรรถาธิบายอย่างละเอียดยิบใน “ประชาชาติธุรกิจ” มาแล้ว

แต่ก็ขอยืนยันไม่เห็นด้วยที่หยิบเรื่องนี้มาเป็น “เกมการเมืองทำลายล้าง” สังคมจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้ จะชอบหรือไม่ชอบรัฐบาลเพื่อไทย แต่เรื่องนี้ต้องแฟร์กับคนที่เกี่ยวข้องทุกคน มิเช่นนั้น “ความปรองดอง” ย่อมไม่เกิด

ต้องเข้าใจว่า โครงการจำนำข้าว เป็นนโยบายทางการเมือง หากนโยบายผิดพลาด ก็ต้อง “ตัดสินด้วยการเมือง” นั่นคือ ให้ประชาชนตัดสินลงโทษจากการเลือกตั้ง อย่าลืมว่านโยบายทางการเมืองไม่ใช่มีแค่โครงการจำนำข้าว ประกันราคาข้าว พยุงราคาพืชผลเกษตร แม้แต่ “รถไฟฟ้าความเร็วสูง” หาก ผิดพลาดจะใช้กติกาเดียวกันหรือไม่

ส่วน “จีทูจี” หากพิสูจน์ว่ามีการทุจริตจริงๆ ก็ต้องลงโทษ แต่นั่นควรจะต้องผ่าน “กระบวนการยุติธรรม” ปกติทั่วไป

เหนือสิ่งใด ขายข้าวจีทูจีไม่ใช่มีเฉพาะในรัฐบาลเพื่อไทย ก่อนหน้านี้ก็มี หากจะเอาผิดผู้รับผิดชอบก็ควรจะย้อนหลังไปถึงรัฐบาลก่อนหน้านี้ด้วย และการลงโทษผู้ทุจริตไม่ใช่แค่ จีทูจี แต่ยังมีเวียนเทียนข้าวในโกดัง ซื้อข้าวเพื่อนบ้านมา สวมสิทธิ์ ซื้อข้าวรัฐราคาถูกๆ มาทำข้าวถุง ก็ควรจะโดนลงโทษเช่นกัน

ปรองดองจะเกิดได้ ต้องเล่นกันแฟร์ๆ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน