คอลัมน์ วงล้อเศรษฐกิจ

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics

ประเมิน ปี 2560 ราคาเฉลี่ยยางแผ่นดิบ 60.0 บาท/กิโลกรัม (ก.ก.) เพิ่มขึ้น 24% จากราคาเฉลี่ย 48.4 บาท/ก.ก.ปีก่อน เหตุจากจีนใช้นโยบายลดภาษีรถยนต์ขนาดเล็กเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ จากเดิม 10% เหลือเพียง 5% เริ่มเดือนต.ค. 2558 สิ้นสุดเดือนธ.ค. 2559

ทำให้ยอดขายรถยนต์ในจีนปีที่ผ่านมาทะลุ 24 ล้านคันเป็นครั้งแรก หรือเพิ่มขึ้น 15.1% จากปีก่อนหน้า เร่งการใช้ยางพาราเพื่อผลิตล้อยางรถยนต์ของโรงงานในจีน จนระดับสต๊อกยางภาคเอกชนจีนเมืองชิงเต่าลดลงอย่างต่อเนื่องถึงระดับต่ำสุดประมาณ 47,000 ตัน ในเดือนต.ค.ที่ผ่านมา จากระดับสูงสุดที่ 230,000 ตันเมื่อต้นปี ทำให้ราคายางพาราซึ่งเคยขายได้ที่ราคาเฉลี่ย 35 บาท/ก.ก.(3 โล 100) เมื่อเดือนม.ค. 2559 ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงขณะนี้

สอดคล้องกับราคาน้ำมันดิบตลาดโลก ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่ดันราคายางให้สูงอย่างต่อเนื่อง ราคาน้ำมันดิบเบรนต์เฉลี่ยปี 2559 เฉลี่ยอยู่ที่ 46 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 32.0% จากราคาช่วงต้นปี และในปี 2560 คาดว่าราคาน้ำมันดิบเบรนต์โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 55 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือเพิ่มขึ้นอีก 20.0% จาก ปีก่อน จึงเป็นแรงส่งให้ราคายางทะยานอย่างต่อเนื่อง

จากปัจจัยภายนอกประเทศที่เกื้อหนุนทั้งความต้องการ ยางจากจีนและราคาน้ำมัน ผนวกกับปัจจัยภายในประเทศ คือนโยบายควบคุมปริมาณยางพาราของภาครัฐที่ได้ดำเนินการต่อเนื่องตลอดระยะ 3-4 ปีที่ผ่านมา ทำให้ปริมาณผลผลิตยางของไทยอยู่ที่ระดับประมาณ 4.5 ล้านตันต่อเนื่องในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

ขณะที่เหตุการณ์น้ำท่วมภาคใต้และฝนตกต่อเนื่องภาคใต้ ทำให้ปริมาณผลผลิตยางธรรมชาติลดลง 281,100 ตัน หรือ คิดเป็น 7.1% ของปริมาณผลผลิตทั้งประเทศทั้งปี ยิ่งเป็นปัจจัยเสริมระยะสั้นให้ราคายางพาราพุ่งต่อเนื่อง โดยราคายางแผ่นดิบล่าสุดอยู่ที่ 87.3 บาท/ก.ก. สถานการณ์ราคาขณะนี้เรียกว่าเป็น “หนังคนละม้วน”เมื่อเทียบกับต้นปีก่อน

ราคายางที่สูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้รายได้เกษตรกรชาวสวนยางภาคใต้เพิ่มขึ้นเกือบ 15,000 ล้านบาทจากปีก่อน และเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เศรษฐกิจภาคใต้ฟื้นตัวจากน้ำท่วมได้เร็วยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสให้ภาครัฐสามารถทยอยระบายสต๊อกยางจากการใช้มาตรการช่วยเหลือชาวสวนยางในอดีต ไม่ให้เป็นปัจจัยกดดันราคายางในอนาคตอีกด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน