คอลัมน์ วงล้อเศรษฐกิจ
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics
คาดว่าห่วงโซ่การผลิตจากการลงทุนของบริษัทข้ามชาติญี่ปุ่นจะเติบโตได้ 10% ท่ามกลางผลกระทบความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าโลก แนะธุรกิจในห่วงโซ่เร่งปรับโครงสร้างการผลิตให้สอดคล้องกับ global supply chain ที่เปลี่ยนแปลงเร็ว
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบันภาคการผลิตเพื่อส่งออกของไทยที่เติบโตและสร้างรายได้กว่า 40% ของมูลค่าส่งออกรวม เป็นอานิสงส์จากการลงทุนของต่างชาติ โดยเฉพาะบริษัทข้ามชาติสัญชาติญี่ปุ่นที่ลงทุนในไทยมีสัดส่วนครึ่งหนึ่งของเงินลงทุนต่างชาติทั้งหมด ด้วยเม็ดเงินลงทุนกว่า 3.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เฉลี่ยต่อปี ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
จากการศึกษาการค้าต่างประเทศของไทยในช่วงปี 2555-2559 พบว่าบริษัทข้ามชาติญี่ปุ่นยังคงมีบทบาทต่อการเติบโตของการค้าไทยอย่างต่อเนื่อง สามารถสร้างมูลค่าการค้าให้กับไทยกว่า 30% ของการส่งออกรวมในปี 2559 หรือคิดเป็น 137 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยสินค้าอุตสาหกรรมที่ส่งออกไปญี่ปุ่นที่มีสัดส่วนมากที่สุด ได้แก่ ยานยนต์และชิ้นส่วน (47%) รองลงมาคือชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (31%) และเครื่องใช้ไฟฟ้า (12%) ตามลำดับ
จะเห็นว่าการลงทุนจากญี่ปุ่่นมักกระจุกตัวอยู่ในอุตสาหกรรมที่เน้นสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีควบคู่ไปกับการใช้แรงงานในการผลิต ทำให้ขนาดห่วงโซ่การผลิตไทยขยายใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับการผลิตในขั้นต้นไปจนถึงขั้นกลางของสายพานการผลิต จึงมีการนำเข้าวัตถุดิบและการส่งออกเป็นสินค้า กึ่งสำเร็จรูปหรือสินค้าสำเร็จรูป ทำให้มูลค่าการค้าของอุตสาหกรรมเหล่านี้เติบโตอย่างสม่ำเสมอ
โดยในช่วงปี 2558-59 เติบโตถึง 9% และ 11% ตามลำดับ และคาดว่าในปี 2560 จะสามารถเติบโตได้ถึง 10% ซึ่งสวนทางกับภาพรวมการส่งออกไทยที่เติบโตได้ในระดับต่ำ
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการไทยที่อยู่ในห่วงโซ่การผลิต ควรให้ความสำคัญกับการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการผลิตให้ทันกับทิศทางของเทคโนโลยี แนวโน้มทิศทางความต้องการในตลาดโลก เพื่อให้สามารถผลิตสินค้าที่ตอบโจทย์ global supply chain อันจะทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไป