เมืองไทย 25 น.

ทวี มีเงิน

ไปไหนมาไหนก็ได้ยินแต่เสียงบ่นว่าทุกวันนี้ทำมาหากินยากขึ้นทุกวัน อย่างที่รู้ๆ กันเป็นเพราะเศรษฐกิจยังไม่สร่างไข้ อาการซึมๆ ทรงๆ อย่างนี้มานาน วิกฤตเที่ยวนี้จะค่อยๆ ซึมลึกไปเรื่อยๆ อาการอย่างนี้น่ากลัวกว่าครั้งวิกฤตต้มยำกุ้งที่มาวูบเดียวถึงจุดต่ำสุดแล้วค่อยๆ ฟื้น แต่เที่ยวนี้ จนป่านนี้ไม่รู้ว่าจะถึงจุดต่ำสุดเมื่อไหร่ คนทำมาหากินไปจนถึงระดับนักธุรกิจก็ได้แต่นั่งหาวหวอดๆ วางแผนไม่ถูกว่าจะทำยังไง มีแต่เสียงปลอบจากทางซีกรัฐบาลว่าถึงจุดต่ำสุดแล้วหลังจากนี้เศรษฐกิจค่อยๆ ฟื้นแต่จะเป็นไปอย่างช้าๆ เท่านั้น

จากผลพวงพิษเศรษฐกิจ ส่งผลให้การทำธุรกิจทุกวันนี้ “กีดกัน” กันหนักขึ้นเรื่อยๆ อย่างเช่นการประมูลงานต่างๆ แต่ก่อนอาจจะเห็นแต่หน่วยงานรัฐมีการล็อกสเป๊ก หรือฮั้วประมูล กีดกันคู่แข่งไม่ให้เข้ามาแย่งงาน เดี๋ยวนี้พฤติกรรม ดังกล่าวกำลังลามเข้าไปถึงภาคเอกชนกันแล้ว วันก่อนได้ฟังกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรง ที่ทำธุรกิจด้านอุปกรณ์สำนักงานประเภทไฮเทคโนโลยีทั้งขายและประมูลงานทั้งงานราษฎร์งานหลวง

เล่าให้ฟังว่า คนทำธุรกิจทุกวันนี้ลำบากกว่าเมื่อก่อนมาก นอกจากจะต้องเจอพิษเศรษฐกิจเล่นงานทำมาหากินยากแล้ว เวลามีงานยังเจอพวกเจ้าเก่าคอนเน็กชั่นแน่นปึ้กกีดกันอีก

ล่าสุดเคยเข้าไปเสนองาน แบงก์ใหญ่ระดับท็อปทรี ที่กำลังจะเปิดเช่า “เครื่องมัลติฟังก์ชัน” สาขาราษฎร์บูรณะ พหลโยธิน และแจ้งวัฒนะ กว่า 600 เครื่อง วงเงินกว่า 100 ล้านบาท เพราะเห็นว่าเป็นแบงก์ใหญ่ น่าจะเปิดประมูลทั่วไป แต่พอเข้าไปจริงๆ กลับไปเจอตอ แบงก์กำลังต่อสัญญาเจ้าเก่าต่อไปอีก 5 ปี

เล่นเอาหน้าใหม่ได้แต่นั่งทำตาปริบๆ

เขาเล่าต่อว่า แม้เจ้าเก่าจะบริการดีเลิศแค่ไหนราคาจะถูกใจยังไงก็ตาม แต่ในฐานะที่เป็นสถาบันการเงินน่าจะเป็น “ผู้นำด้านความโปร่งใส” ควรจะเปิดประมูลเป็นการทั่วไป อย่างเมื่อเร็วๆ นี้ แบงก์ใหญ่แถวๆ รัชดาฯ ก็เปิดประมูลให้ทุกรายเข้าแข่งกัน หากเปิดประมูลให้โอกาสรายอื่นๆ ได้เสนองานนอกจากจะเป็นตัวอย่างด้านความโปร่งใสแล้วยังเป็นประโยชน์กับธนาคารและผู้ถือหุ้นอีกด้วย ส่วนใครจะได้ไปก็ไม่เป็นไรถือว่าแฟร์ๆ กันทุกฝ่าย

ฟังแล้วก็ได้แต่เห็นใจ คนทำมาหากินนับวันยิ่งอยู่ยาก ยังไงก็ฝากผู้บริหารลงมาดูเรื่องนี้หน่อยก็ดี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน