ในเดือนก.พ. 2565 ภาครัฐมีมาตรการบรรเทาค่าครองชีพของครัวเรือนออกมาต่อเนื่อง ประกอบกับการเปิดให้ลงทะเบียน Test&Go อีกครั้ง ทำให้เกิดความหวังเกี่ยวกับภาคท่องเที่ยวมากขึ้น ปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนมุมมองเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนให้ปรับดีขึ้นจากระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนก่อน

โดยดัชนี KR-ECI ปัจจุบันและ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ 33.9 และ 36.0 จาก 30.9 และ 33.2 ในเดือนม.ค. 2565 ดัชนีปรับดีขึ้นในทุกองค์ประกอบ แม้ว่ารายงานดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนก.พ. จะระบุว่าระดับดัชนีราคาในหมวดอาหารบริโภคในบ้านและนอกบ้านปรับเพิ่มขึ้นที่ 5.75% และ 5.29% YoY

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาในส่วนของพฤติกรรมการใช้จ่ายเทียบกับเดือนก่อน พบว่าครัวเรือนส่วนใหญ่ยังมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ครัวเรือนที่มีค่าใช้จ่ายลดลงกลับมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น เนื่องจากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่ายไปใช้สินค้าที่มีราคาถูกลง หรือลดค่าใช้จ่ายลง เพราะกังวลเกี่ยวกับเรื่องเงินทองในอนาคต จึงเริ่มลดค่าใช้จ่ายในปัจจุบันลง

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้สำรวจเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นความสอดคล้องกันระหว่างรายได้และรายจ่ายของครัวเรือน พบว่ามีครัวเรือนจำนวน 33.8% ที่มีรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย รายเดือน และในสัดส่วนนี้ครัวเรือนส่วนมาก (35.2%) ต้องการ รายได้เพิ่มอีกประมาณ 10-20% เพื่อให้มีรายได้เพียงพอกับ รายจ่าย (ยังไม่เหลือเก็บออม)
ผลสำรวจดังกล่าวสะท้อนความเปราะบางของครัวเรือนกว่า 70% ของการสำรวจว่าไม่มีเงินเก็บออม (ครัวเรือนที่สำรวจมี รายได้ต่อเดือนส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ที่ไม่เกิน 30,000 บาท)

สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนจะเข้ามาเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพ โดยมองว่าครัวเรือนมีแนวโน้มเผชิญกับภาวะราคาสินค้าที่สูงลากยาวจากราคาพลังงานในตลาดโลกที่คาดว่าจะอยู่ในระดับสูงไปจนถึงครึ่งปีหลังนี้

ขณะที่ภาครัฐยังทยอยออกมาตรการมาแบ่งเบาภาระต่างๆ ต่อเนื่อง ล่าสุดมีการกล่าวถึงโครงการคนละครึ่งระยะที่ 5 ซึ่งจะมีการประเมินหลังสิ้นสุดระยะที่ 4 (เม.ย. 2565)
นอกจากนี้ สถานการณ์โควิด-19 ที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องยังเป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงที่ต้องจับตามอง แม้จะไม่ได้กระทบรุนแรงต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
แต่อาจเป็นตัวซ้ำเติมสถานการณ์เศรษฐกิจให้มีความเปราะบางมากขึ้น

บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน