วงล้อเศรษฐกิจ

วิจัยกรุงศรี บมจ.ธนาคารกรุงศรีอยุธยา

ปัจจุบันภาคตะวันออกเป็นพื้นที่ที่กำลังได้รับความสนใจจากนักลงทุน ซึ่งเป็นผลจากรัฐบาลตั้งเป้าผลักดันโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) เพื่อให้เกิดการลงทุนรอบใหม่ในภาคตะวันออก

โดยล่าสุด ครม.เห็นชอบร่างพ.ร.บ.เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. …. ครอบคลุมพื้นที่ จ.ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา (คาดมีผลบังคับใช้ต้นปี 2560)

ระยะ 3-5 ปีจากนี้ ให้จับตาความเคลื่อนไหวของ 7 ธุรกิจที่จะมีเม็ดเงินสะพัด คาดมีผลให้ Gross Regional Product (GRP) ของภาคตะวันออกเพิ่มขึ้นราว 1.0-1.5% ต่อปี จากอัตราการเติบโตเฉลี่ยตามศักยภาพที่ 5%

สำหรับ 3 ธุรกิจ/อุตสาหกรรมเป้าหมายเติบโตเร่งขึ้น ได้แก่

– ธุรกิจโลจิสติกส์ โอกาสการลงทุนของเอกชนโดดเด่นในกลุ่มคลังสินค้าสมัยใหม่ และ Third Party Logistics Service Provider (3PL) อีกทั้งหากโครงการทวายในเมียนมาเปิดดำเนินการ และจีนยังเน้น Look South Policy จะช่วยส่งเสริมให้ภาคตะวันออกกลายเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าเชื่อมระหว่างฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดียเข้าด้วยกัน

– อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงและเคมีชีวภาพ คาดว่าเป็นอุตสาหกรรมที่จะขยับลงทุนก่อนกลุ่มอื่นๆ เนื่องจากไทยมีความพร้อมเป็น Biodiversity Hotspots

– ธุรกิจท่องเที่ยว ได้อานิสงส์จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเติบโตดีหลังการพัฒนา “ท่าอากาศยานอู่ตะเภา” ที่ช่วยดึงเที่ยวบินเช่าเหมาลำบินตรงสู่พัทยา ขณะที่แผนการพัฒนา “ท่าเรือน้ำลึกจุกเสม็ด” ให้เป็นเมืองท่ารองรับตลาด Luxury tourist จะช่วยสร้างรายได้ให้ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเพิ่มขึ้นมาก นอกจากนี้ โครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-ระยอง ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในอีก 4-5 ปีข้างหน้า

ส่วน 4 ธุรกิจเกี่ยวเนื่องที่โตโดดเด่น ได้แก่

– ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ได้แรงหนุนจากโครงการพัฒนาเมืองใหม่ เนื่องจากศักยภาพพื้นที่ที่เป็นทั้งแหล่งงาน แหล่งที่อยู่อาศัย แหล่งท่องเที่ยว คาดว่าจะมีการลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์มากขึ้นจากที่ชะลอมาหลายปี

– ธุรกิจค้าปลีกและพื้นที่ค้าปลีก คาดจะมีการลงทุนเตรียมรับกับประชากรและนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาก

– นิคมอุตสาหกรรม EEC จะช่วยหนุนศักยภาพนิคมฯ ในภาคตะวันออกให้โดดเด่น

– ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ได้ประโยชน์จากงานก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะงานภาครัฐที่ผู้รับเหมาน่าจะได้ประโยชน์ในทุกกลุ่ม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน