วงล้อเศรษฐกิจ

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ(อีไอซี) ธนาคารไทยพาณิชย์

จากโครงการรถยนต์คันแรกที่เริ่มต้นเมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2011 และได้ครบกำหนดระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย. 2016 เป็นต้นมา

อีไอซี สำรวจความคิดเห็นผู้บริโภคสำหรับการจับจ่ายใช้สอยในระยะเวลา 1-2 ปีข้างหน้า เพื่อศึกษาแนวโน้มของผู้บริโภคที่กำลังซื้อจะฟื้นคืนกลับมาภายหลังหมดภาระการผ่อนชำระภายใต้โครงการดังกล่าว โดยมีจำนวนผลสำรวจทั่วประเทศทั้งสิ้น 7,249 คน

การสิ้นสุดเงื่อนไขรถยนต์คันแรก คาดว่าจะมีผลเพียงเล็กน้อยต่อยอดขายรถยนต์ในประเทศ จากผลสำรวจพบว่าจำนวนผู้ใช้สิทธิ์โครงการ ที่ต้องการขายรถคันเก่าแล้วซื้อใหม่โดยรวมประมาณ 7.2%

แบ่งเป็นอุปสงค์ที่มีแนวโน้มจะกลับมาในปี 2017 ประมาณ 2.6% คิดเป็นประมาณ 30,000 คัน เนื่องจากผู้บริโภคบางส่วนจะยังชะลอการใช้จ่ายออกไปก่อน อีกทั้งในช่วงต้นปีถึงกลางปีจะยังไม่มีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่

โดยอุปสงค์อีกส่วนประมาณ 3.2% คาดว่าจะกลับมาใน ปี 2018 ซึ่งเป็นปีที่จะมีการเปิดตัวรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ รุ่นใหม่หลายรุ่น ในขณะที่อุปสงค์ที่เหลือ 1.4% จะกลับมา ในปี 2019

ผู้ทำแบบสอบถามส่วนใหญ่เลือกใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคมากกว่าการซื้อหาสินทรัพย์ โดยผลการสำรวจสะท้อนถึงมุมมองของผู้บริโภคที่ต้องการใช้จ่ายในด้านอุปโภคบริโภค

โดย 3 อันดับแรก ได้แก่ 1.การท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศคิดเป็น 24% 2.ของใช้บริโภคประจำวันคิดเป็น 15% และ 3.การตกแต่ง-ต่อเติม-ซ่อมแซมที่อยู่อาศัยคิดเป็น 13%

ตลาดอสังหาฯ มีแนวโน้มได้อานิสงส์ โดย 22% ของผู้ใช้สิทธิ์โครงการสนใจที่จะซื้อที่อยู่อาศัยเป็นลำดับถัดไป โดยทำเลที่อยู่อาศัยสำหรับผู้ซื้อในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ส่วนใหญ่เลือกใกล้สถานที่ทำงานและรถไฟฟ้า ในขณะที่ผู้ซื้อในต่างจังหวัดจะเลือกทำเลที่อยู่ใกล้สถานศึกษา ห้างสรรพสินค้าและโรงพยาบาล

มองว่าธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจค้าส่งค้าปลีกมีแนวโน้มที่ จะได้อานิสงส์จากการหมดภาระผ่อนจ่ายรถยนต์ โดยภาระการผ่อนรถยนต์ที่ลดลงจะเป็นการผ่อนคลายแรงกดดันด้านกำลังซื้อของครัวเรือนไทยที่ยังมีข้อจำกัดในการฟื้นตัว

ทั้งนี้ กลุ่มที่หมดภาระดังกล่าวส่วนมากจะเป็นกลุ่มชนชั้นกลางที่มีรายได้ตั้งแต่ 15,000-50,000 บาทต่อเดือน

โดยคาดว่าเม็ดเงินจำนวนราว 3-3.3 หมื่นล้านบาทจะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจตั้งแต่ในช่วงปลายปี 2016 ไปจนถึงปี 2018

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน