วงล้อเศรษฐกิจ

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (อีไอซี) ธนาคารไทยพาณิชย์

ผลการนับคะแนนในคืนวันเลือกตั้งที่ 8 พ.ย. (ตามเวลาสหรัฐ) เผยว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกันเป็นฝ่ายชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐ ส่งผลต่อตลาดการเงินในทางลบอย่างรุนแรง ทั้งในสหรัฐ ยุโรป และตลาดใหญ่ในเอเชีย

ผลการเลือกตั้งที่เหนือความคาดหมายทำให้ความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลลบต่อเศรษฐกิจโลกโดยรวม และทำให้นักลงทุนตื่นตระหนกในระยะสั้นคล้ายกับในกรณี ของ Brexit เมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา

เนื่องจากนโยบายสุดโต่งที่นายทรัมป์ใช้ในการหาเสียงเป็นไปในทิศทางที่ต่อต้านความเชื่อเดิม (anti-establishment) อย่างการตั้งกำแพงภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนและเม็กซิโก หรือการเนรเทศแรงงานผิดกฎหมายกว่า 11 ล้านคนออกนอกสหรัฐ ซึ่งหากนโยบายดังกล่าวมีการนำมาใช้จริงอาจจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐ และเศรษฐกิจโลกชะลอตัวได้

อย่างไรก็ดี นโยบายส่วนใหญ่อย่างการลดภาษีรายได้จะต้องได้รับการเห็นชอบจากสภาคองเกรส ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีพรรครีพับลิกันเป็นเสียงส่วนใหญ่แต่ก็มีความขัดแย้งภายในพรรคสูงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

โดยจากอดีตที่ผ่านมาสภาคองเกรสที่เป็นรีพับลิกันค่อนข้างให้ความสำคัญต่อการลดการขาดดุลการคลัง และสนับสนุนการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งต่างจากนโยบายของนายทรัมป์ ดังนั้น ความน่ากังวลจึงอยู่ที่สิ่งที่ประธานาธิบดีมีอำนาจสั่งการโดยไม่ผ่านสภาคองเกรส อาทิ สามารถตั้งกำแพงภาษีระยะสั้น นโยบายความสัมพันธ์ทางการทูตและทหาร เป็นต้น

สำหรับไทย อีไอซีมองผลกระทบต่อเศรษฐกิจจะมาจาก ด้านการค้า หากเศรษฐกิจในประเทศคู่ค้าที่สำคัญของไทย อย่างสหรัฐและจีนมีการชะลอตัว การส่งออกไทยที่ฟื้นตัว ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาก็อาจจะสูญเสียแรงส่งไป การค้าโลกโดยรวมอาจจะหดตัวหากนโยบายการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ ทวีความรุนแรงจนเป็นสงครามการค้า

นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยอาจจะได้รับผลกระทบจาก ตลาดการเงินโลกที่จะผันผวนรุนแรงขึ้นจากความไม่แน่นอนของนโยบายนายทรัมป์อีกด้วย ในปี 2017 ยังคงมีอีกหลายเหตุการณ์ทางการเมืองที่สำคัญที่ต้องจับตามอง ทั้งกรณี Brexit รวมถึงการเลือกตั้งในฝรั่งเศสและเยอรมนี ซึ่งล้วนแล้วแต่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน