อณุวัสส์ ศิวราศักดิ์ – เรื่อง/ภาพ
ความปลอดภัยตามสนามบินทั่วโลกนับเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เนื่องจากมันส่งผลไปถึงชื่อเสียงหน้าตาของประเทศด้วย
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 21 พ.ค. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ ผบก.ตม.2 นายกิตติพงศ์ กิตติขจร รอง ผอ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พ.ต.อ.อำนาจ โฉมฉาย ผกก.3 บก.ทท.1 พ.ต.อ.วิโรจน์ ตัดโส ผกก.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และผู้แทนจากสถานทูตจีน
ร่วมกันแถลงข่าวการช่วยเหลือนักธุรกิจหญิงชาวจีน ซึ่งถูกแก๊งชาวจีนร่วมกับคนไทยอุ้มเรียกค่าไถ่กว่า 10 ล้านบาท ณ ห้องประชุม ที่ทำการชั่วคราว สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ภายในสนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 1) อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
ที่น่าตกใจคือ กรณีนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจยศนายดาบ สังกัดกองบัญชาการตรวจคนเข้าเมือง เป็นคนคอยอำนวยความสะดวกให้กับแก๊งคนร้ายเสียเอง จะด้วยรู้เห็นเป็นใจหรือถูกหลอกใช้ก็ตาม แต่มันทำให้ปฏิบัติการอุ้มเหยื่อสาวกลางสนามบินสุวรรณภูมิสำเร็จลุล่วงอย่างง่ายดาย
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ เปิดเผยต้นสายปลายเหตุของคดีดังกล่าวว่า เมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา นายฮาน ยัง ลิม สัญชาติแทนซาเนีย เชื้อสายเกาหลี สามีของน.ส. จินไช่ เชน นักธุรกิจหญิงสัญชาติจีน เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อตำรวจสภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและตำรวจท่องเที่ยวสุวรรณภูมิ ว่า น.ส.จินไช่ ถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่ระหว่างเดินทางมาเที่ยวเมืองไทย
นายฮานให้ข้อมูลว่า ภรรยาถูกจับตัวไปจากสนามบินสุวรรณภูมิ ภายหลังเดินทางมาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 6 พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งตนเองและญาติผู้เสียหายได้จ่ายเงินค่าไถ่ให้กับแก๊งอุ้มไปแล้ว 4 ครั้ง รวมเป็นเงิน 1,900,000 หยวน หรือประมาณเกือบ 10 ล้านบาทไทย
แต่ปรากฏว่ากลุ่มคนร้ายยังไม่ยอมปล่อยตัวภรรยาออกมา ซ้ำยังเรียกค่าไถ่เพิ่มอีก 1 ล้านหยวน หรือประมาณ 5 ล้านบาท จึงเดินทางเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอความช่วยเหลือ
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวต่อว่า หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจบูรณาการกำลังสืบสวนติดตามกลุ่มคนร้าย จนทราบว่ากลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุ ประกอบด้วย นายซุน เหวินฉี สัญชาติจีน หัวหน้าแก๊ง น.ส.ไค เมยเลิง สัญชาติจีน นายซอง หมิง สัญชาติจีน (ฮ่องกง) และนายซุน ดองเหลียง สัญชาติจีน โดยมีน.ส.วรรษิการ เติมธนาภัทร หรือ แอนนา สัญชาติไทย ร่วมด้วย
เมื่อชุดสืบสวนนำภาพจากกล้องวงจรปิดภายในสนามบินมาตรวจสอบ ก็พบเห็นภาพแก๊งคนร้ายและพฤติกรรมขณะลงมือก่อเหตุทั้งหมด รวมทั้งมีภาพด.ต.นิพนธ์ พุทธรักษา ผบ.หมู่ กก.สส.ปป.บก.ตม.2 (สนามบินสุวรรณภูมิ) สังกัดกองบัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเดินนำแก๊งคนร้าย คอยอำนวยความสะดวกให้ทั้งหมดผ่านด่านตม.ไปอย่างราบรื่น
ชุดสืบสวนพบข้อมูลว่า นักธุรกิจสาวผู้เสียหายถูกกลุ่มคนร้ายที่ติดตามมาจากประเทศจีน ร่วมมือกับผู้ที่รออยู่ในสนามบินนำตัวออกไปเมื่อวันที่ 6 พ.ค. และกักขังไว้ในโรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ก่อนพาไปกักขังต่อที่โรงแรมในเมืองพัทยา จ.ชลบุรี จากนั้นพาไปกักขังที่บ้านแห่งหนึ่งในพื้นที่เกาะเสม็ด จ.ระยอง ก่อนนำผู้เสียหายกลับมาในพื้นที่กทม. ระหว่างนั้นแก๊งคนร้ายก็ได้ติดต่อสามีและญาติของน.ส.จินไช่ เพื่อเรียกเงินค่าไถ่เป็นระยะๆ
กระทั่งสามีผู้เสียหายมาแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยติดตาม เจ้าหน้าที่จึงเร่งติดตามกดดันอย่างหนัก ในที่สุดวันที่ 19 พ.ค. เวลาประมาณ 23.00 น. กลุ่มคนร้ายก็ได้ปล่อยตัวน.ส.จินไช่ ผู้เสียหาย ที่บริเวณริมถนนบางนา-ตราด เขตบางนา กทม. ก่อนจะหลบหนีไป ผู้เสียหายจึงติดต่อญาติและตำรวจเข้าช่วยเหลือได้อย่างปลอดภัย
สอบสวนผู้เสียหายให้การเบื้องต้น ยอมรับว่ารู้จักกับนายซุน เหวินฉี หัวหน้าแก๊งเนื่องจากเคยลงทุนธุรกิจร่วมกันที่แอฟริกา ก่อนบริษัทจะขาดทุน แต่คาดว่านายซุน เหวินฉี อาจจะไม่พอใจคิดว่าถูกโกง จึงก่อเหตุเพื่อต้องการเงินคืนดังกล่าว เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่า ภายหลังได้เงินที่โอนมา 4 ครั้งแล้ว กลุ่มผู้ต้องหาชาวจีนได้เดินทางเผ่นออกนอกประเทศไทยไปแล้ว โดยให้คนไทยที่ร่วมมือด้วยคอยควบคุมตัวเหยื่อเอาไว้
“คดีนี้ตำรวจออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 5 คนในข้อหา ร่วมกันกรรโชกทรัพย์และกักขังหน่วงเหนี่ยว โดยอยู่ระหว่างติดตามจับกุมตัว นอกจากนี้ยังมีผู้ร่วมขบวนการอีกทั้งชาวไทยและชาวจีน รวมถึงด.ต.นิพนธ์ซึ่งตอนนี้ได้เรียกตำรวจนายนั้นมาแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว ตามแนวทางการสืบสวนยังทราบว่า หัวหน้าขบวนการนี้ได้เดินทางเข้าไปรอการทำงานล่วงหน้า 6 ชั่วโมง โดยมีตำรวจ ตม. คอยอำนวยความสะดวก ซึ่งเป็นความผิดชัดเจน คาดว่าจะถูกให้ออกจากราชการเร็วๆ” พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าว
ต่อมาตำรวจรวบรวมหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาชาวไทยอีก 6 ราย ซึ่งมีทั้งผู้รับจ้างเป็นการ์ดคอยควบคุมตัวเหยื่อ เจ้าของรีสอร์ตซึ่งให้ที่พักพิง และคนขับรถที่พาตัวเหยื่อไปด้วย ซึ่งบางส่วนรวมทั้งน.ส.แอนนาถูกจับกุมตัวได้แล้ว
แม้นคดีนี้จะดูมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง แต่ที่ชัดเจนคือมีการกระทำผิดกฎหมายของไทย จึงเป็นหน้าที่ของตำรวจที่ต้องจัดการ
