สดจากสนามข่าว
ชยพล ปัญญาวิศิษฎ์กุล / นพรัตน์ คุ้มศรี / พิชัย ศรีรุ่งเรือง /ภัทรพล แก้วสกุณี – เรื่อง/ภาพ
พลันที่เกิดเหตุ ‘โจรอ้วน-ผอม’ ใช้อาวุธปืนชิงทรัพย์ห้างทองเยาวราชกรุงเทพ ในห้างบิ๊กซี ต.เชิงเนิน อ.เมือง จ.ระยอง ได้สร้อยทองคำน้ำหนัก 370 บาท และเงินสด 230,000 บาท รวมมูลค่า 7,490,500 บาท หลบหนีไปอย่างลอยนวล เมื่อค่ำวันที่ 18 พ.ค.
พฤติกรรมที่ใช้อาวุธสงครามลงมือก่อเหตุ รวมทั้งร้านค้าก็อยู่ในห้างที่มีผู้คนพลุกพล่าน แสดงให้เห็นความไม่เกรงกลัวกฎหมาย พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร. จึงลงมากำกับการติดตามไล่ล่าจนสามารถพิชิตคดีลงได้อย่างรวดเร็ว
ย้อนไปเมื่อช่วงเวลาหลังเกิดเหตุ พนักงานในร้านทองให้การว่ามีคนร้ายเป็นชาย 2 คน คนที่ 1 รูปร่างสูง หุ่นท้วม ภายในสวมเสื้อยืดสีดำ และเสื้อเชิ้ตแขนยาวสียีนส์ทับอีกชั้นหนึ่ง สวมกางเกงขายาวสีดำ สวมรองเท้าผ้าใบสีขาว สวมหมวกแบบปิดบังใบหน้าลายพรางทหาร สวมถุงมือสีดำ ถืออาวุธปืนยาวอาก้า
คนที่ 2 รูปร่างสันทัด สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีน้ำเงิน กางเกงยีนส์ขายาว รองเท้าผ้าใบสีขาว สวมหมวกผ้าแบบไอ้โม่งสีดำ และสวมหมวกแก๊ปสีดำ มีอักษรภาษาอังกฤษ ตัว E สีทองอยู่ด้านหน้าหมวก สะพายกระเป๋าผ้าสีดำ
คนร้ายคนที่ 1 ใช้อาวุธปืนข่มขู่ให้พนักงานหมอบลงที่พื้น จากนั้นคนร้ายคนที่ 2 กระโดดเข้ามาในเคาน์เตอร์โชว์ทองภายในร้าน แล้วรวบเอาสร้อยคอทองคำที่แขวนอยู่และเงินสดไป โดยมีชายคนที่ 1 ถืออาวุธปืนยืนคุมเชิงอยู่ จากนั้นทั้งคู่หลบหนีไปขึ้นรถเอสยูวีสีบรอนซ์ทอง ยี่ห้อ มาสด้า ทริบิวต์ ป้ายแดง ไม่เห็นเลขทะเบียน ที่จอดบริเวณที่จอดรถของห้างที่เกิดเหตุ ใช้เส้นทางถนนสาย 36 มุ่งหน้าสี่แยกบ้านดอน
วันรุ่งขึ้นพล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.จิตติ รอดบางยาง ผบช.ภ.2 พล.ต.ท.เชษฐา โกมลวรรธนะ รอง ผบช.ภ.2 เดินทางมาที่สภ.เมืองระยอง พร้อมเรียกประชุมเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดี ประกอบด้วย พ.ต.อ.อิทธิพร โพธิ์ทอง รอง ผบก.ภ.จ.ระยอง พ.ต.อ.เฉลิมเดช เฉลิมวงศ์ ผกก.สส.ภ.จว.ระยอง พ.ต.อ.ดำรงค์ อ้วนสูงเนิน ผกก.สภ.เมือง พร้อมชุดสืบสวน
ตำรวจนำภาพจากกล้องวงจรปิดในห้างมาไล่ตรวจสอบ จนได้ภาพรถมาสด้าคันที่ก่อเหตุขับเวียนผ่านหน้าห้างบิ๊กซี ก่อนเกิดเหตุราว 40 นาที โดยในภาพเห็นทะเบียนเป็นป้ายปกติ แต่พอช่วงที่ขับเข้าในห้างก่อนลงมือได้เปลี่ยนทะเบียนเป็นแดง ซึ่งเป็นป้ายปลอม
ตำรวจตามเบาะแสไปจนเจอเจ้าของรถตัวจริง ซึ่งรีบบอกทันทีว่าไม่เกี่ยวข้องแต่ให้นายประเสริฐ รักนาม อายุ 59 ปี ฉายา ‘จ่าเสริฐ’ กับนายปรเมศฐ์ อัครโภคินนุกูล อายุ 41 ปี ฉายา ‘เค เขาน้อย’ ยืมไป ไม่ทราบว่าจะนำไปใช้ก่อเหตุ
เจ้าหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติออกหมายจับ พร้อมทั้งติดตามกดดันอย่างหนัก กระทั่งจ่าเสริฐ ตัดสินใจเข้ามามอบตัว ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 พร้อมนำรถคันที่ก่อเหตุมาด้วย ในช่วงกลางดึกของวันที่ 20 พ.ค. เจ้าตัวปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้อง อ้างว่า ‘เค เขาน้อย’ ยืมรถไป
ชุดสืบสวนติดตามไล่ล่าเค เขาน้อย อย่างไม่ลดละ ท่ามกลางกระแสข่าวลวง ว่าได้ลงเรือหลบหนีไปประเทศเพื่อน บ้านแล้ว
เที่ยงคืนเศษวันที่ 23 พ.ค. พ.ต.อ.เฉลิมเดช ร่วมกับตำรวจชุดสายสืบ ภาค 2 นำกำลังเดินทางไปตรวจค้นที่บ้านของนายวัลลภ เร่งร้อน อดีตสมาชิกสภาเทศบาล (ส.ท.) คนหนึ่งในอ.แกลง จ.ระยอง แต่คลาดกับ เค เขาน้อย ที่ขับรถเก๋งวอลโว่ สีแดง ทะเบียน กพ 6160 นนทบุรี ออกไปเพียง 10 นาที
จึงตรวจยึด รถยนต์มิตซูบิชิ สีขาว ทะเบียน กย 2673 ระยอง ภายในรถพบกระสุนปืนเล็กยาวไม่ทราบขนาด 1 นัด กุญแจมือ และไฟสัญญาณ ไซเรน 1 ชุด แผ่นป้ายทะเบียน กย 2673 ระยอง ถอดเก็บในรถ อาวุธปืนอาก้า แบบเอเค 47 พับฐานบรรจุกระสุนปืนไว้ 26 นัด และกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 32 นัด บรรจุอยู่ภายในกล่อง โทรศัพท์มืออีก 6 เครื่อง และสร้อยคล้ายทอง น้ำหนักประมาณหนึ่งสลึง ตกอยู่ในรถอีกคันที่จอดภายในบ้านไว้ตรวจสอบ ขณะที่อดีตส.ท.ยังให้การปฏิเสธ แต่ก็มอบสร้อยทองรวม 47 เส้น น้ำหนัก 34 บาท ที่รับฝากไว้คืนให้เจ้าหน้าที่
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ปากน้ำประแสร์ พบรถวอลโว่คันดังกล่าวจอดทิ้งไว้ริมกำแพงวัดท่ากง ต.พังราช อ.แกลง จ.ระยอง จึงนำรถกลับมาตรวจหาหลักฐานและลายนิ้วมือแฝง
ชุดสืบสวนติดตามแกะรอยไล่ล่าอย่างกระชั้นชิดตลอดทั้งวัน จนทราบเบาะแสว่า เค เขาน้อย หนีมาซ่อนตัวอยู่ในโรงแรมเช็คอินรีสอร์ท หมู่ 4 ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี จึงประสานพล.ต.ท.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบช.ภ.1 นำกำลังร่วมชุดสืบสวน ภาค 1, ภาค 2 และตำรวจสืบสวนจ.ระยอง และจ.ปทุมธานี ปิดล้อมรีสอร์ตดังกล่าว
เมื่อรู้ว่าตำรวจปิดล้อม เค เขาน้อย จึงไม่ยอมออกมาจากห้องพัก กระทั่งช่วงเย็นได้ยินเสียงดังคล้ายเสียงปืนดังขึ้น 1 นัดจากภายในห้อง เจ้าหน้าที่จึงเข้าไปตรวจสอบในห้องพัก พบว่าเค เขาน้อย ยิงตัวตายแล้วในสภาพคว่ำหน้าอยู่ข้างเตียง ภายในห้องพบกระเป๋าเสื้อผ้า 1 ใบ และทองรูปพรรณที่ก่อเหตุมาจำนวนหนึ่ง จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ขณะที่ทางครอบครัวของนายปรเมศฐ์ ออกมาตั้งขอสังเกต ด้วยไม่เชื่อว่าจะเป็นการฆ่าตัวตาย เนื่องจากเจ้าตัวเพิ่งโทร.คุยกับญาติรายหนึ่งว่าอยากมอบตัว เพราะะรู้ตัวว่าหนีไม่รอดแน่
คดีนี้ตำรวจได้ทองของกลางคืนมาจำนวนหนึ่ง แต่ยังมีที่หายไปอีกเยอะ เป็นไปได้ว่าจะมีผู้ร่วมขบวนการหรือมีส่วนร่วมรู้เห็นเพิ่มเติมอีก พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ จึงสั่งการให้ติดตามขยายผล นำตัวและของกลางมาให้ได้โดยเร็ว
