ผ่าปมล้างวงการสงฆ์ ฟันทุจริตเงินทอนวัด ถอดสมณศักดิ์ 7 เถระ ตะลึงเจอ‘เสพเมถุน’

แฟ้มคดี

สร้างความตื่นตะลึงให้กับพุทธศาสนิกชนเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อพระเถระที่สังคมนับหน้าถือตา ต้องกลายเป็นผู้ต้องหา

เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯ ปูพรมบุกจับกุมพระเถระผู้ใหญ่ 7 รูปตามหมายจับ ถึงพระอารามหลวง 3 แห่ง

พร้อมดำเนินคดีข้อหาทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาปริยัติธรรม ที่รัฐบาลจัดสรรให้ตั้งแต่ปี 2557 กว่า 150 ล้านบาท

หลังพบมีการโอนเงินเข้าบัญชีคนสนิทของพระเถระผู้ใหญ่

ก่อนส่งตัวฝากขัง ไม่ได้รับการประกันตัว ต้องถูกจับสึกตามกฎหมาย แล้วไปใช้ชีวิตระหว่างการรอพิสูจน์ตามกระบวนการยุติธรรมในเรือนจำ

นอกจากนี้ยังมีพระราชโองการโปรดเกล้าฯให้ถอดถอนสมณศักดิ์ 7 พระเถระ

น่าจับตาว่าบทสรุปของการชำระวงการสงฆ์ครั้งนี้จะจบลง ที่ใด

เถระ

1.พระพรหมดิลก 2.พระพรหมสิทธิมอบตัว 3.ประตูลับ 4.วงจรปิดวัดสระเกศ

  • ช็อกวงการสงฆ์-จับ 7 เถระ

เหตุการณ์สะเทือนวงการสงฆ์ครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อเช้าตรู่วันที่ 24 พ.ค. เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. พล.ต.ต. สุทิน ทรัพย์พ่วง รองผบช.ก. พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป.

บุกเข้าตรวจสอบพระอารามหลวง 3 แห่ง ประกอบด้วยวัดสระเกศราชวรวิหาร วัดสัมพันธวงศารามวรวิหารและวัดสามพระยาวรวิหาร

จุดแรก คือวัดสระเกศ เพื่อติดตามจับกุมพระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศ กรรมการมหาเถรสมาคม และเจ้าคณะภาค 10 พระศรีคุณาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส พระครูสิริวิหารการ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส พระวิจิตรธรรมาภรณ์ หรือเจ้าคุณเทอด ผู้ช่วยเจ้าอาวาส ซึ่งรายหลังไปอายัดตัวที่โรงพยาบาลสมิติเวช เนื่องจากมีอาการอาพาธ

จุดที่ 2 วัดสามพระยา เข้าจับกุม พระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดสามพระยา กรรมการมหาเถรสมาคม และเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร และ พระอรรถกิจโสภณ เลขานุการ เจ้าคณะกรุงเทพฯ

จุดที่ 3 วัดสัมพันธวงศ์ฯ เพื่อตามหาจับกุม พระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม กรรมการมหาเถรสมาคม และเจ้าคณะภาค 4-5-6-7 ธรรมยุต

โดยผลการเข้าตรวจค้นสามารถควบคุมพระเถระมาได้ 5 รูป มีเพียงพระพรหมสิทธิ และพระพรหมเมธี ที่ไม่สามารถติดตามตัวได้

อย่างไรก็ตามในที่สุด พระพรหมสิทธิก็ติดต่อมายังพล.ต.ท.ฐิติราช เมื่อวันที่ 30 พ.ค. เพื่อขอมอบตัวที่โบสถ์วัดสระเกศ โดยพล.ต.ท.ฐิติราชก็เดินทางมารับด้วยตัวเอง พร้อมนำตัวไปสอบสวนที่กองปราบปราม

ก่อนที่จะส่งฝากขังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง โดยระบุพฤติกรรมว่าเกี่ยวพันการโอนเงินอุดหนุนโรงเรียนพระปริยัติธรรม ตั้งแต่ปี 2557 มูลค่ากว่า 150 ล้านบาท และยังเกี่ยวข้องกับการโอนเงินจากบัญชีเงินฝากของโครงการ 2 บัญชี รวม 32 ครั้ง ให้แก่กลุ่มฆราวาสไปโดยทุจริต

ซึ่งศาลสั่งไม่ให้ประกัน เช่นเดียวกับพระเถระทั้ง 5 รูปก่อนหน้านี้

ส่งผลให้ต้องถูกจับสึกและควบคุมตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

ขณะที่พระพรหมเมธี ที่อยู่ระหว่างหลบหนี มีรายงานว่าอาจเข้าไปในประเทศเพื่อนบ้านโดยมีลูกศิษย์คอยอำนวยความสะดวก

แต่คงจะจนมุมในไม่ช้า

  • โปรดเกล้าฯถอดสมณศักดิ์

นอกจากดำเนินคดีอาญา ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศเรื่อง ถอดถอนสมณศักดิ์ ความว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า ด้วยปรากฏว่ามีกรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาว่า กระทำการทุจริตและถูกดำเนินคดีอาญาในความผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์และปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต

อาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายอาญา และความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน ตามพ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ตามความในมาตรา 5 ตรี แห่งพ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 แก้ไข เพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ถอดถอนสมณศักดิ์ จำนวน 7 รูป ดังนี้

1.พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขโข) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร 2.พระพรหมเมธี (จำนงค์ เอี่ยมอินทรา) วัดสัมพันธวงศาราม 3.พระพรหมดิลก (เอื้อน กลิ่นสาลี) วัดสามพระยา

4.พระราชอุปเสณาภรณ์ (สมณศักดิ์เดิมคือ พระเมธีสุทธิกร) (สังคม สังฆะพัฒน์) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร 5.พระราชกิจจา ภรณ์ (สมณศักดิ์เดิมคือ พระวิจิตรธรรมาภรณ์) (เทอด วงศ์ชะอุ่ม) วัดสระเกศฯ

6.พระอรรถกิจโสภณ (สมทรง อรรถกฤษณ์) วัดสามพระยา 7.พระศรีคุณาภรณ์ (บุญทวี คำมา) วัดสระเกศฯ

โดยที่ประชุมมหาเถรสมาคม มีมติแต่งตั้ง พระเทพวิสุทธิโมลี (พรหมา สัปปัญโญ) เจ้าอาวาสวัดจักรวรรดิราชาวาส รองเจ้าคณะภาค 10 เป็นรักษาการเจ้าคณะภาค 10 แทนพระพรหมสิทธิ

พระธรรมสุธี (นรินทร์ นรินโท) เจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง รองเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เป็นรักษาการเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร พระพรหมมุนี (สุชิน อัคคชิโน) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เจ้าคณะภาค 14-15 (ธรรมยุต) เป็นรักษาการเจ้าคณะภาค 4-5-6-7 (ธรรมยุต) แทนพระพรหมเมธี

เปลี่ยนแปลงตำแหน่งครั้งใหญ่

  • สำนวนคดีถึงป.ป.ช.แล้ว

ขณะที่สำนวนคดี 4 สำนวนถูกส่งให้ป.ป.ช.พิจารณา ประกอบด้วย 1.กรณีทุจริตงบประมาณโครงการเงินอุดหนุนอบรมคุณธรรม จริยธรรม สำหรับเด็กและเยาวชน ประชาชน และข้าราชการ เพื่อความมั่นคงของสถาบันชาติ พระพุทธศาสนา พระมหากษัตริย์ ประจำปีงบประมาณ 2559 จำนวน 37,200,000 บาท ให้แก่ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร

และกรณีทุจริตเงินงบประมาณโครงการศูนย์กลางการเผยแผ่กิจการพระพุทธศาสนา ประจำปีงบประมาณ 2559 จำนวน 32,500,000 บาท ให้แก่วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร โดยมีนายพนม ศรศิลป์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผอ.พศ. กับพวก เป็นผู้ถูกกล่าวหา รวมทั้งพระพรหมสิทธิ เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เป็นผู้ถูกกล่าวหาด้วย

2.กรณีทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ที่ได้อนุมัติและจัดสรรให้แก่วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ประจำปีงบประมาณ 2557 จำนวน 10,000,000 บาท โดยมีนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผอ.พศ. กับพวก เป็นผู้ถูกกล่าวหา รวมทั้งพระเมธีสุทธิกร และพระวิจิตรธรรมาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เป็น ผู้ถูกกล่าวหาด้วย

3.กรณีทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ที่ได้อนุมัติและจัดสรรให้แก่วัดสัมพันธวงศาราม ประจำปีงบประมาณ 2557 จำนวน 5,000,000 บาท โดยมี นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผอ.พศ. กับพวกเป็นผู้ถูกกล่าวหา รวมทั้งพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม เป็นผู้ถูกกล่าวหาด้วย

4.กรณีทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ที่ได้อนุมัติและจัดสรรให้แก่วัดสามพระยา ประจำปีงบประมาณ 2557 จำนวน 5,000,000 บาท โดยมีนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผอ.พศ. กับพวก เป็นผู้ถูกกล่าวหา รวมทั้งพระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยา เป็นผู้ถูกกล่าวหาด้วย

  • เผยมีพฤติกรรมเสพเมถุน

นอกจากนี้ยังมีรายงานจากชุดสืบสวน ระบุว่า เป็นที่น่าสังเกตว่าพระเถระที่ถูกจับกุม ยักยอกถ่ายเทเงินที่ได้รับจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติไปยังโยมผู้หญิงทั้งสิ้น

นอกจากนี้ยังมีบางรูปมีพฤติกรรมเสพเมถุนเข้าข่ายต้องอาบัติปาราชิกด้วย

โดยพบว่า มีความใกล้ชิดกับผู้หญิงคนหนึ่ง อายุประมาณ 50 ปี อดีตเคยเป็นหมอนวดแผนโบราณ ซึ่งเคยรับแขกเมื่อ 2-3 ปีก่อน เป็นชายสวมชุดซาฟารี ใส่หมวกแก๊ป เรียกตัวเองว่า “เฮีย” เมื่อนวดเสร็จก็ขอมีเพศสัมพันธ์ ให้ค่าตอบแทน 3 หมื่นบาท จึงยอมเพราะต้องนำเงินไปเลี้ยงลูกพิการ

ซึ่งก็มีความสัมพันธ์เรื่อยมา ได้รับค่าตอบแทน 2-3 หมื่นบาทมาโดยตลอด ช่วงหลังจึงเอะใจ สอบถามจึงรู้ว่าเป็นพระผู้ใหญ่ ซึ่งก็เสนอให้เงินเดือน เดือนละ 3 หมื่นบาท แลกกับไม่ต้องไปเป็นหมอนวดอีก แล้วยังส่งเรียนโรงเรียนเสริมสวยอีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีการชวนเล่นเซ็กซ์โฟน จนกระทั่งปีกว่าที่ผ่านมา พระผู้ใหญ่เริ่มตีตัวออกห่าง จนรู้ว่าไปมีผู้หญิงอื่นอีกหลายคน แต่ก็ติดต่อกันบ้างตามโอกาส

และยังมีพระผู้ใหญ่อีก 2 รูปที่ถูกออกหมายจับในครั้งนี้ มีความสนิทสนมกับสีกามากเกินความจำเป็น เช่นพระรูปหนึ่งนอกจากจะมีการถ่ายเทเงินให้กับสีกาแล้ว ยังเดินทางไปต่างประเทศด้วยกันปีละกว่า 10 ครั้ง เมื่อตรวจสอบที่นั่งโดยสารย้อนหลังแล้วพบว่านั่งเคียงข้างกันเสมอ และยังเข้าพบหากันสองต่อสองในยามวิกาลอีกด้วย

ขณะที่พระผู้ใหญ่อีกคนหนึ่งที่มีพฤติกรรมไม่ต่างกัน มีการ เดินทางไปไหนมาไหนด้วยกันกับสีการูปงาม อดีตข้าราชการท้องถิ่นคนหนึ่ง และยังเข้าพบหากันในตอนกลางคืนหรืออยู่ด้วยกันสอง ต่อสองเสมอ

ส่วนการค้นกุฏิพระผู้ใหญ่ที่ถูกออกหมายจับเมื่อวันที่ 24 พ.ค. ตรวจพบแผ่นวีซีดีหนังลามกอนาจารจำนวนหนึ่งซุกซ่อนอยู่ในกุฏิด้วย

เป็นพฤติกรรมไม่เหมาะสมในวงการศาสนา

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน