เกาะตร.บุกทลายแก๊งโจ๋ ตะลึง!หัวโจกวัยแค่13ปี นำทีม”คู่แฝด”ขโมยจยย.
สดจากสนามข่าว
วันชัย พูลเพิ่มพันธ์ ยุวนิต สังวาลพานิช เรื่อง/ภาพ
บ่ายวันที่ 6 มิ.ย. ที่ลานหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามการโจรกรรมรถ สภ.นครชัยศรี (ปจร.สภ.นครชัยศรี) จ.นครปฐม พล.ต.ต.กฤษณะ ทรัพย์เดช รองผบช.ภ. 7 พร้อมด้วย พล.ต.ต.คำรณ บุญเลิศ ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ ชูนาค รองผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.สีหเดช ประกอบแก้ว ผกก.สภ.นครชัยศรี พ.ต.ท.ยุทธนา จันทร์มีศรี รอง ผกก.ป. พ.ต.ต.อิสรภาพ แก้วชลคราม สวป. ร.ต.อ.อุเทน กลิ่นเล็ก ร.ต.อ.ธงชัย พูลทรัพย์ รองสวป. และกำลังตำรวจชุดปจร.สภ.นครชัยศรี
ร่วมกันแถลงผลจับกุมสมาชิกแก๊งโจ๋แสบ ที่ออกตระเวนลักรถจักรยานยนต์ สร้างความเดือดร้อนไปทั่วจังหวัด พร้อม ผู้ต้องหา 3 รายมี นายกิตติศักดิ์ หรือ ต้น สมวงษ์ อายุ 23 ปี นายกิตติพงษ์ หรือ ต่อ สมวงษ์ อายุ 23 ปี ฝาแฝดชาว อ.ดอนตูม จ.นครปฐม และ ด.ช.โต้ (นามสมมติ) อายุ 14 ปี ซึ่งเป็นรองหัวหน้าแก๊ง พร้อมของกลางเป็นรถจยย.และชิ้นส่วนอะไหล่จำนวนมาก
พล.ต.ต.กฤษณะเปิดเผยเบื้องหลังการจับกุมว่า สืบเนื่องจากเดือนช่วงพ.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจโรงพักนครชัยศรี รับแจ้งมีเหตุคนร้ายอาละวาดลักรถจยย.ในหลายพื้นที่ติดต่อกันร่วมกว่ายี่สิบคดี ได้แก่ ต.ศรีมหาโพธิ์ ต.วัดละมุด ต.บางพระ และ ต.แหลมบัว
โดยแผนประทุษกรรมของคนร้ายมีความคล้ายคลึงกัน คือเลือกจะลักรถจยย.สภาพกลางเก่า กลางใหม่ ที่จอดไว้โดยไม่ล็อกคอหรือเสียบกุญแจทิ้งไว้ ตามบ้านพักอาศัย สวนพืชผัก สวนมะลิ ไม้ดอกไม้ประดับของประชาชน หรือบริเวณริมทางที่จอดไว้ ขณะไปทำการเกษตรบริเวณในใกล้เคียง
ตํารวจชุด ปจร.สภ.นครชัยศรี จึงลงพื้นที่ ตรวจสถานที่เกิดเหตุและตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุและเส้นทางใกล้เคียง จนพบเบาะแสว่า กลุ่มคนร้ายน่าจะเป็นแก๊งเดียวกัน เนื่องจากมีแผนประทุษกรรมในการลักรถที่จอดไว้ริมทางและหลบหนีไปในเส้นทางมุ่งหน้าไป อ.ดอนตูม ซึ่งเป็นเขตติดต่อ อ.นครชัยศรี และอยู่ใกล้เคียงสถานที่เกิดเหตุ
ชุดสืบสวนจึงส่งสายติดต่อล่อซื้อชิ้นส่วนอุปกรณ์รถจยย.สภาพเก่า จนกระทั่งได้ข้อมูลว่า มีผู้ต้องสงสัยเป็นวัยรุ่น ชอบนำรถจยย.สภาพเก่ามาขายในราคาคันละ 3,000 บาท และมีบ้านพักอาศัยอยู่บริเวณ ต.บ้านหลวง อ.ดอนตูม เมื่อได้ข้อมูลเจ้าหน้าที่ชุด ปจร.สภ.นครชัยศรี จึงลงพื้นที่ร่วมกับชุดสืบสวน สภ.ดอนตูม เพื่อหาเบาะแสของผู้ต้องสงสัยที่ลงมือก่อเหตุดังกล่าว
ต่อมาเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. เวลาประมาณ 07.55 น. เจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุลักทรัพย์ รถจยย.ฮอนด้า รุ่น เทน่า สีขาว-น้ำเงิน หมายเลขทะเบียน ป 1149 นครปฐม ที่ริมถนนหน้าหมู่บ้านสวนขวัญ หมู่ 5 ต.วัดละมุด อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม โดยผู้เสียหายระบุว่า คนร้ายที่มาลักรถจยย.ได้หลบหนีไปทาง อ.ดอนตูม แต่ผู้เสียหายติดตามไม่ทัน
เมื่อทราบรายละเอียด เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด ปจร.สภ.นครชัยศรี จึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 49 หมู่ 1 ต.บ้านหลวง อ.ดอนตูม จ.นครปฐม ซึ่งเป็นบ้านที่พักอาศัยของผู้ต้องสงสัย ตามที่ได้ข้อมูลเบาะแสมา ก่อนพบกับนายกิตติศักดิ์ หรือต้น สมวงษ์ และนายกิตติพงษ์ หรือต่อ สมวงษ์ ฉายาฝาแฝดนรก และด.ช.โต้
จากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้งสามคนให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกันลักรถจยย. ในเขตพื้นที่ 3 อำเภอ จำนวน 21 ครั้ง ต.ศรีมหาโพธิ์ ต.วัดละมุด ต.บางพระ และต.แหลมบัว อ.นครชัยศรี จำนวน 9 ครั้ง อ.ดอนตูม จำนวน 7 ครั้ง และก่อเหตุในเขตพื้นที่ อ.บางเลน 5 ครั้ง
โดยรับว่าจะก่อเหตุลักรถจักรยานยนต์สภาพเก่าที่จอดไว้โดยไม่ล็อกคอหรือ เสียบกุญแจทิ้งไว้ตามบ้านพักอาศัยของประชาชนหรือบริเวณริมทางที่จอดไว้และ ไปทำการเกษตรบริเวณใกล้เคียงทั้งช่วงเวลากลางวันและกลางคืน ก่อนนำรถจยย.ไปขายในราคาคันละ 2,500-3000 บาท หรือถอดชิ้นส่วนแยกขายตามร้านรับซื้อของเก่า เมื่อได้เงินมาก็จะนำเงิน ไปซื้อยาเสพติดมาเสพกัน
ทั้งหมดยังสารภาพถึงพรรคพวกเพื่อนร่วมแก๊งอีก 2 ราย ที่ยังหลบหนี มี นายศุภลักษณ์ หรือ ต้า เอี่ยมตระกูล อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 39 ม.4 ต.บ้านหลวง อ.ดอนตูม จ.นครปฐม แต่ที่น่าตกใจคือ ด.ช.สุด (นามสมมติ) เป็นหัวหน้าแก๊งวัยละอ่อนที่มีอายุเพียง 13 ปี
ภายหลังจับกุม ตำรวจพาตัวผู้ต้องหาไปตรวจยึดจยย.ของกลางคืนมาได้นับ 10 คัน แต่บางคันก็เหลือเพียงแต่โครงรถ ให้เจ้าของได้เห็นเท่านั้น
ขณะที่ นางสำรวย บุญขจาย อายุ 57 ปี มาชี้รถของกลางที่ถูกคนร้ายลักไป เป็นรถจยย.พ่วงข้าง ซึ่งจำได้แม่นว่าในส่วนของ ซาเล้งพ่วงข้างเป็นของตน แต่รถจยย.ถูกสับเปลี่ยน โดยเล่าว่าจอดรถทิ้งไว้หน้าบ้าน ตอนเช้าออกมาดูรถหายไปแล้ว
ส่วน นายสุวิทย์ ม่วงสวนขวัญ อายุ 72 ปี เผยว่าขี่รถจยย. มาเก็บดอกรักในสวน โดยจอดรถทิ้งไว้ที่ข้างทาง เมื่อจะกลับบ้านกลายเป็นว่ารถหาย ต้องเดินกลับบ้านเท้าเปล่า วันนี้พอเห็นรถจยย. ตนก็ถึงกับเซ็ง เมื่อรถถูกถอดชิ้นส่วนเหลือแต่โครงรถเท่านั้น แต่ถึงจะเหลือแต่โครงรถตนก็จะนำกลับไปด้วย
อายุแค่ 13 ก็นำแก๊งก่อเหตุได้แล้ว แสบไม่ธรรมดาจริงๆ
