ณัฏฐนันท์ ศิริสันติวรกุล – เรื่อง/ภาพ
“ผมขอร้องผู้สื่อข่าว ให้ช่วยแก้ข่าวให้ด้วย อย่าใช้คำว่าเฒ่าโหดยิงดับ 2 ศพ เพราะพอฟังดูแล้วรู้สึกว่าผมโหดร้ายเกินไป ทั้งๆ ที่ผมเป็นคนใจดีมากๆ ไปถามชาวบ้านในละแวกนั้นได้เลย ดังนั้น ขอให้ช่วยเรียกว่า เฒ่าใจเด็ดยิงดับ 2 ศพ จะดีกว่า เพราะจะทำให้ผมยังดูเป็นคนใจดีเหมือนเดิม”
ส่วนหนึ่งของบทสนทนา ที่ นายซ้ง แซ่ตั้ง อายุ 73 ปี กล่าวกับผู้สื่อข่าว ระหว่างถูกนำตัวมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณหน้าร้านขายส้มตำ ไม่มีเลขที่ ริมถนนบ้านลาดใหญ่-วัดปัญจันตาราม หมู่ที่ 2 ต.โรงเข้ อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร
ย้อนไปเมื่อเย็นวันที่ 24 ก.ค. ร.ต.ท.ปริวัชร์ เพชรรัตน์ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร รับแจ้งเหตุมีคนถูกยิงเสียชีวิต 2 ศพ ที่บริเวณหน้าร้านขายส้มตำดังกล่าว จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนรีบไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยพล.ต.ต.มานะ อินพิทักษ์ ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร พ.ต.อ.สาโรจน์ รอดมณี ผกก.สภ.บ้านแพ้ว พญ.วรรณรัตน์ เพ็ชรนารี แพทย์จาก ร.พ.บ้านแพ้ว และเจ้าหน้าที่มูลนิธิการกุศลสมุทรสาคร กับมูลนิธิสว่างเบญจธรรม
ภายในร้านส้มตำพบศพ นางบัวผัน มะโมทะนัง อายุ 55 ปี ชาว ต.โพธิ์ชัย อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ เป็นแม่ค้าขายส้มตำ ถูกกระสุนยิงกรอกปาก มีปลอกกระสุนปืนขนาด 9 ม.ม.ตกอยู่ใกล้กัน 1 ปลอก ส่วนอีก 1 ศพเป็นชาย นอนเสียชีวิตที่พื้นถนนหน้าร้าน
ทราบชื่อต่อมาคือ นายจักรพันธ์ สื่อสุวรรณ อายุ 33 ปี เป็นชาว ต.โรงเข้ อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ถูกกระสุนยิงเข้าที่หน้าอก 2 นัด บริเวณใต้ราวนมด้านซ้าย และพบปลอกกระสุนปืนขนาดเดียวกันตกอยู่ที่พื้นใกล้กับรถซาเล้งจำนวน 2 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ส่วนมือปืนที่ก่อเหตุทราบชื่อคือนายซ้ง แซ่ตั้ง อายุ 73 ปี หลังก่อเหตุได้หลบหนีไป
ขณะที่นางทองขาล มะโมทะนัง อายุ 59 ปี ให้การว่า ผู้หญิงที่เสียชีวิตนั้นเป็นน้องสาวของตน ส่วนผู้ชายก็เป็นลูกเขยตน ขณะที่ ผู้ก่อเหตุนั้นเป็นสามีใหม่ที่อยู่ด้วยกันมาประมาณ 10 ปีแล้ว แต่ไม่มีลูกด้วยกัน โดยฝ่ายชายนั้นก็ยังมีอีกครอบครัวหนึ่งจึงไปๆ มาๆ
ก่อนหน้านี้ทางลูกๆ ของตนที่เกิดกับสามีเก่าขอให้ตนเลิกกับสามีคนนี้ แล้วกลับไปอยู่กับลูกๆ ไม่ต้องทำมาหากินให้เหนื่อยอีก ทั้งนี้ ตนก็เห็นดีด้วย เพราะต้องการที่จะอยู่กับลูกและเข้าวัดฟังธรรมในช่วงบั้นปลายของชีวิต อีกทั้งยังต้องการให้นายซ้งได้ไปอยู่กับอีกครอบครัวหนึ่ง จึงได้ยกร้านส้มตำให้น้องสาวรับช่วงกิจการต่อ และได้บอกเลิกกับนายซ้ง ขออโหสิกรรมที่เคยทำร่วมกันมา แต่ปรากฏว่าฝ่ายชายไม่ยอมเลิกด้วย
นายซ้งไม่ยอมอโหสิกรรมให้ บอกว่าจะต้องอยู่ด้วยกันเพราะรักตนมาก และก่อนที่จะก่อเหตุยิง 2 ศพนั้น นายซ้งเคยพูดไว้ว่า ถ้าเจอ 3 คนอยู่ด้วยกันเมื่อไหร่จะเอาให้ตาย ซึ่ง 3 คนที่ว่านี้ก็คือ น้องสาวกับน้องเขยของตน และลูกเขยอีก 1 คน
แต่ละคนนั้นเป็นคนที่นายซ้งหมายหัว เอาไว้ อันดับแรกคือน้องเขยของตน ที่มีเรื่องทะเลาะวิวาทกันอยู่บ่อยครั้ง เพราะน้องเขยชอบดื่มสุรา ไม่ทำมาหากิน และเคยแจ้งจับนายซ้งหาว่าไปลักขโมยรถของเขา เพื่อเรียกร้องค่าเสียหาย แต่วันเกิดเหตุไม่อยู่จึงรอดตาย
ขณะที่น้องสาวที่ถูกยิงตาย ก็เป็นคนที่ทำให้นายซ้งคิดว่า นายซ้งต้องเลิกกับตน เพราะตนยกร้านขายส้มตำให้น้องสาวไปทำมาหากิน โดยเมื่อตนไม่จำเป็นต้องค้าขายแล้ว จึงขอแยกทางต่างคนต่างอยู่กับนายซ้ง ส่วนลูกเขยนั้นเป็นคนที่คอยมาห้ามปราม และมาขอร้องให้นายซ้งปล่อยตนให้กลับไปอยู่กับลูกๆ ส่วนนายซ้งให้กลับไปอยู่กับครอบครัวอีกครอบครัวหนึ่ง ทำให้นายซ้งไม่พอใจเช่นเดียวกัน
หลบหนีอยู่ได้ไม่ถึง 2 วัน วันที่ 25 ก.ค. นายซ้งเข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.ด่านแม่แฉลบ จ.กาญจนบุรี พร้อมของกลางรถกระบะโตโยต้า ไมตี้เอ็กซ์ ทะเบียน ภ 1855 นครปฐม และอาวุธปืนขนาด 9 ม.ม. ที่ใช้ก่อเหตุ
ต่อมา พล.ต.ต.มานะ อินพิทักษ์ ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร ได้เดินทางมาร่วมสอบสวนผู้ต้องหา ภายหลัง สภ.บ้านแพ้วเดินทางไปรับตัวมา นายซ้งสารภาพว่า ใจจริงตั้งใจจะยิงสามีของนางบัวผันด้วย แต่ไม่ เจอตัว ซึ่งผู้ตายทั้ง 2 คนนี้มีส่วนทำให้ตนกับนางทองขาลต้องแตกแยกกัน
โดยจะคอยพูดจายุยงให้นางทองขาลขอเลิกกับตนทั้งๆ ที่ตนเองรักนางทองขาลมาก อีกทั้งนางบัวผันยังจะมาขอร้านขายส้มตำที่ตนสร้างให้นางทองขาลไว้ทำมาหากินอีก ด้วยความโกรธแค้นจึงลงมือยิงทั้ง 2 คนเสียชีวิต
จากนั้นจึงขับรถกระบะหลบหนีไป โดยได้นำไปจอดทิ้งไว้ที่ วัดแห่งหนึ่งใน จ.ราชบุรี แล้วขึ้นรถโดยสารประจำทางหนีไปที่วัดอีกแห่งหนึ่งใน จ.กาญจนบุรี ซึ่งพระที่ตนเคารพนับถือได้บอกให้ตน เข้ามอบตัวสู้คดี และตนก็ต้องการแบบนั้นเหมือนกัน จึงได้ติดต่อขอ มอบตัว
“ผมทนไม่ได้ที่ถูกเด็กรุ่นลูกรุ่นหลานมาดูหมิ่นศักดิ์ศรี ยุให้ครอบครัวผมแตกแยก แล้วภรรยาของผมก็เชื่อทางน้องเมียกับลูกๆ ด้วย จึงทำให้โกรธแค้นหนักมากขึ้น” นายซ้งให้การก่อนถูกนำตัวไปทำแผนฯ
ก่อนเป็นที่มาของคำขอ ที่ให้เรียกตัวเองว่า “เฒ่าใจเด็ด”
