อารีย์ สีแก้ว – เรื่อง/ภาพ

เช้ามืดวันที่ 25 ก.ค. ร.ต.อ.พิชิต บุญหลาย พนักงานสอบสวน ปฏิบัติหน้าที่ร้อยเวรสอบสวน สภ.หล่มสัก ได้รับแจ้งเกิดเหตุฆาตกรรมขึ้นที่บ้านเลขที่ 73/2 หมู่ 3 ต.หนองไขว่ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นจึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยแพทย์เวรโรงพยาบาลหล่มสัก อาสามูลนิธิร่วมกตัญญูหล่มสัก

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ใต้ถุนสูงทรงไทย ด้านบนบ้านหน้าประตูพบศพ นางสนม เกษร อายุ 56 ปี เป็นเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว นอนเสียชีวิตสภาพเลือดท่วมตัว เสื้อผ้ามีรอยฉีกขาด มีบาดแผลที่เกิดจากของมีคมนับ 40 แผล ห่างออกไปพบศพ ด.ช.อรรถโกวิทย์ มณฑาจันทร์ อายุ 11 ขวบ สภาพศพนอนหงาย และถูกของมีคมแทงเข้าบริเวณลิ้นปี่ เป็นแผลลึกและยังมีร่องรอยของมีคมฟันอีกนับ 10 แผล คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 1-2 ชั่วโมง

จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบร่องรอยการงัดกระจกข้างประตู ร่องรอยการต่อสู้ และนอกจากนั้นยังพบหลักฐาน เช่น มีดปลายแหลม ไขควง รองเท้าสีเหลือง และหมวกแก๊ปสีเหลือง ซึ่งคาดว่าเป็นของคนร้าย จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

นางศิรินาถ ภักดีศรี อายุ 67 ปี เพื่อนบ้าน และเป็นผู้พบศพเป็นคนแรก ให้การว่าบ้านหลังดังกล่าวอยู่เพียง 3 คน คือ ยายกับหลาน 2 คน ส่วนพ่อแม่ของเด็กไปทำงานอยู่ที่ จ.ชลบุรี นานๆ จะกลับมาเยี่ยมบ้าน

ช่วงเวลาประมาณ 04.30 น. ตนได้ยินเสียงคล้ายคนทะเลาะและต่อสู้กัน จึงคิดว่าอาจจะเป็นคู่สามีภรรยาบ้านใดบ้านหนึ่ง จึงไม่สงสัย กระทั่งรุ่งเช้าจึงออกมาพูดคุยกับเพื่อนบ้านสอบถามเรื่องราว จากนั้นจึงเดินไปที่บ้านหลังเกิดเหตุ พบประตูเปิดอยู่จึงเดินขึ้นไปดู ก็พบศพนางสนม นอนเสียชีวิตอยู่ จากนั้นจึงได้ตะโกนเรียกหลานๆ ปรากฏว่ามีเพียงหลานสาวอายุ 4 ขวบ ที่งัวเงียเหยียบกองเลือดเดินออกมาโดยไม่รู้ว่ายายกับพี่ชายถูกฆ่าเสียชีวิตแล้ว

ภายหลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.สัณห์ โพธิ์รักษา ผบก.ภ.จว.เพชรบูรณ์ พ.ต.อ.ฐเดช กล่อมเกลี้ยง รองผบก. พ.ต.อ.สมพร ทองรอด รองผบก.สส.ภ.6 พ.ต.อ.ดร.เพทาย ทัพมงคล รรท.ผกก.สภ.หล่มสัก ระดมชุดสืบสวน ทั้งของโรงพักหล่มสัก ชุดสืบสวนภูธรจังหวัดเพชรบูรณ์ และชุดสืบสวนภูธรภาค 6 ออกติดตามตัวคนร้าย

ตำรวจไล่ติดตามหาเบาะแสอยู่หลายวัน กระทั่งได้เบาะแสจากภาพวงจรปิด บริเวณถนนในหมู่บ้าน เป็นภาพชายต้องสงสัยขี่จักรยานสีแดง ผ่านมาในช่วงเวลาก่อนที่จะเกิดเหตุสยอง โดยชายดังกล่าวใส่หมวกสีเหลือง ลักษณะคล้ายกับที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ

เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียดจึงทราบว่าคือนายวัชรพล สีมา หรือโฟร์ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 107 หมู่ 2 บ้านน้ำก้อหัวขัว ต.หนองไขว่ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ จึงไปเชิญตัวมาสอบสวนจนในที่สุด เจ้าตัวก็รับสารภาพว่าเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุฆ่าโหด 2 ยายหลาน

พล.ต.ต.สัณห์ โพธิ์รักษา ผบก.ภ.จว.เพชรบูรณ์ กล่าวว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ได้เบาะแสจากภาพวงจรปิด เป็นภาพนายวัชรพลกำลังขี่จักรยานสีแดง ใส่หมวกสีเหลืองใบเดียวกับที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุผ่านไป จึงติดตามตัวมาสอบปากคำจนรับสารภาพ

โดยก่อนก่อเหตุช่วงบ่ายวันที่ 24 ก.ค. ได้ไปหาเพื่อนรุ่นพี่ที่ตลาดขายส่งผัก สี่แยกพ่อขุนผาเมือง และเสพยาบ้าด้วยกัน กระทั่งค่ำได้ยืมรถจักรยานพร้อมไขควงของเพื่อน จะนำไปซ่อมรถจักรยานยนต์ของตนเอง ที่จอดเสียอยู่ที่บ้านพัก

จากนั้นจึงปั่นจักรยานผ่านมาที่หน้าบ้านนางสนม และคิดว่าไม่มีคนอยู่จึงได้ปีนข้ามรั้วเข้ามานอนเล่นที่เปลใต้ถุนบ้าน เนื่องจากเป็นเพื่อนกับหลานชายของนางสนม จึงเคยมานอนและนั่งเล่นเป็นประจำ

ตอนนั้นคิดว่าไม่มีคนอยู่บ้าน เลยจะขโมยทรัพย์สินจึงใช้ไขควงงัดหน้าต่างเข้าไป แต่ขณะค้นหาทรัพย์สิน นางสนมเกิดตื่นขึ้นมาเปิดไฟพอดี จึงกระโดดเข้าไปใช้มือปิดปากเอาไว้ แต่ก็ถูกกัดมือจนเป็นรอยแผล ขณะเดียวกัน ด.ช.อรรถโกวิทย์ ที่นอนอยู่ในห้องนอนได้ยินเสียงต่อสู้กัน จึงตื่นและวิ่งไปนำมีดมาถือไว้ในมือ พร้อมใช้เก้าอี้พลาสติกฟาดใส่จนเก้าอี้หัก

ตนจึงหันไปแย่งมีดได้ ก่อนกระหน่ำฟันและแทงจนล้มฟุบไป ส่วนนางสนมพยายามวิ่งหนีไปที่หน้าบ้าน เพื่อจะเปิดประตูเรียกคนช่วย ตนจึงตามไปจ้วงแทงแบบไม่ยั้งมือเพื่อเป็นการฆ่าปิดปาก เนื่องจากทั้งคู่รู้จักตนเองเป็นอย่างดี

หลังก่อเหตุ จึงคว้าสร้อยคอจากคอนางสนมและหยิบโทรศัพท์มือถือของเด็กชายอรรถโกวิทย์ติดมือไปด้วย โดยไม่ทราบว่ายังมีหลานสาวอายุ 4 ขวบของผู้ตาย นอนหลับอยู่ในห้องด้านใน

ส่วนทรัพย์สินที่ได้มา นายวัชรพลอ้างว่าขี่จักรยานหลบหนีข้ามลำคลอง แต่น้ำเชี่ยวทำให้จักรยานล้ม สร้อยคอทองคำและโทรศัพท์มือถือจมน้ำหายไป โดยภายหลังหนีกลับเข้าไปบ้าน ก็ทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญตัวมาสอบสวน จึงให้การรับสารภาพ เหตุที่ทำลงไปก็เพราะเมายาบ้าขนาดหนักนั่นเอง

นับเป็นอีกเหตุสยอง ที่เป็นผลพวงของ ยานรก!!

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน