เสียงระทม‘ตำรวจรถไฟ’ หน่วยเล็กๆ-แต่มีคุณภาพ ปฏิรูปตร.-จ่อยุบแห่งแรก
สดจากสนามข่าว
ธานี ทวีเกิด เรื่อง/ภาพ
เสียงระทม‘ตำรวจรถไฟ’ – หนึ่งในงานปฏิรูปที่รัฐบาล คสช.ชูธงมาโดยตลอดก็คือ ‘ปฏิรูปตำรวจ’ หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการตั้งกรรมการขึ้นมาเพื่อดำเนินการเรื่องนี้ โดยเฉพาะชุดที่มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน ภายใต้คณะกรรมการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีการประชุมเมื่อไม่นานมานี้ เพื่อกำหนดกรอบการจัดทำกฎหมายฉบับดังกล่าว
นายคำนูณ สิทธิสมาน กรรมการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. ครั้งที่ 8 ได้พิจารณาประเด็นถ่ายโอนงานที่ไม่ใช่งานตำรวจแท้ออกไปให้องค์กรอื่นที่มีความพร้อม โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดใหญ่
นายคำนูณ ระบุอีกด้วยว่า คณะกรรมการได้ลงลึกในการถ่ายโอนภารกิจของหน่วยตำรวจบางประเภทที่หมดความจำเป็นในสถานการณ์ปัจจุบัน สมควรถ่ายโอนงานให้หน่วยงานอื่นที่มีความพร้อมและเหมาะสม
เริ่มที่ตำรวจรถไฟ!!?
นายคำนูณยืนยันว่า ที่ประชุมเห็นควรให้ถ่ายโอนภารกิจของตำรวจรถไฟในส่วนที่ดูแลความปลอดภัยภายในขบวนรถไฟให้แก่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) หรือหน่วยงานอื่นที่เป็นเจ้าของรถไฟ
ในส่วนที่เกี่ยวกับการดูแลคดีที่เกิดในขบวนรถไฟ ให้อยู่ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) หรือสถานีตำรวจที่ขบวนรถไฟแล่นผ่าน โดยให้เจ้าพนักงานสอบสวนตามรายทางรถไฟมีอำนาจสอบสวนได้
ให้เหตุผลว่า เนื่องจากการตั้งหน่วยตำรวจรถไฟ ตามวัตถุประสงค์เดิมในอดีต เพื่อการดูแลการก่อสร้างทางรถไฟได้หมดไปแล้ว และปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่สามารถดูแลความปลอดภัยในขบวนรถไฟได้หลากหลายและมีประสิทธิภาพ
ตํารวจรถไฟมีต้นกำเนิดมาอย่างยาวนาน เพราะรถไฟมีมาตั้งแต่สมัย ร.5 พร้อมๆ กับการพัฒนาระบบรถไฟของประเทศ
แต่ถ้าพูดถึงตำรวจรถไฟคงมีน้อยคนที่รู้จักหรือเคยได้ยินชื่อหน่วยงานนี้
พูดง่ายๆ ว่า ถ้าไม่เคยขึ้นรถไฟคงไม่รู้ว่ามีตำรวจรถไฟ คอยดูแลทุกข์สุขของผู้โดยสารบนขบวนรถ และให้บริการประชาชนอยู่ที่สถานีรถไฟหลักๆ ทั่วประเทศ
อำนาจหน้าที่ที่จำกัดอยู่เฉพาะในพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ไปจนถึงสถานีรถไฟ ชานชาลา ขบวนรถไฟ และรางรถไฟ
แต่ตำรวจรถไฟยังคงมีผลการปฏิบัติและจับกุมที่โดดเด่นไม่น้อย หน้าหน่วยงานใดๆ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติแม้แต่น้อย
สำหรับแผนยุบหน่วยตำรวจรถไฟ ล่าสุดทางการรถไฟแห่งประเทศไทย ยังได้ทำหนังสือถึงพล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก.ว่า ไม่ประสงค์จะรับโอนงานดังกล่าว
แต่ขอให้ บก.รฟ.ปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจเดิม โดยขอให้ท่านสนับสนุนกำลังพล และงบประมาณเพิ่มเติม เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนต่อไป
นอกจากนี้การถ่ายโอนอาจทำให้ประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมลดลง เพราะจะขาดตำรวจรถไฟที่มีความเชี่ยวชาญทั้งด้านป้องกันปราบปรามอาชญากรรมอีกด้วย
พล.ต.ต.วรพงษ์ ทองไพบูลย์ ผบก.รฟ. เปิดเผยว่า ถึงตัวเองจะเหลืออายุราชการอีกไม่กี่ปี แต่ฐานะผู้นำหน่วยต้องห่วงใยตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชาทุกนายเป็นธรรมดา
เพราะทุกวันนี้งานในความรับผิดชอบของตำรวจรถไฟก็ยังเต็มมือ ไม่ได้น้อยลงไปตามที่หลายคนเข้าใจ
เพราะนอกจากจะมีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในขบวนรถไฟทุกขบวนอันเป็นงานที่ต้องใช้ความสามารถเฉพาะทาง ยังมีผลการจับกุมคดีอื่นๆ อีกจำนวนไม่น้อย
เพราะตามสถิติการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับค้างเก่าบนขบวนรถไฟ เมื่อปี 2559 จับกุมได้ถึง 743 คดี ในปี 2560 สามารถจับกุมได้ถึง 762 คดี
ปี 2561 ซึ่งผ่านมาได้แค่ 8 เดือนก็จับกุมไปแล้วถึง 479 คดี
ส่วนการจับกุมคดียาเสพติดชนิดต่างๆ ยังจับกุมอยู่ตลอดเวลา
เพราะพ่อค้ายาเสพติดเริ่มหันมาใช้การลำเลียงผ่านทางรถไฟ มีหลายครั้งที่เราสามารถจับยาเสพติดล็อตใหญ่ๆ ได้จำนวนไม่น้อยกว่าใคร
แสดงให้เห็นว่าถึงจะเป็นหน่วยงานเล็กๆ ถึงกำลังพลมีน้อย แต่ยังมากไปด้วยคุณภาพ หากจะต้องถูกยุบไปก็น่าเสียดายยิ่ง
“ที่สำคัญก็คือเมื่อพ.ร.บ.ดังกล่าวประกาศใช้ จากนั้นในเวลาอีก 1 ปี เมื่อหน่วยต้องถูกยุบกำลังพลที่มีอยู่เกือบ 800 นาย ก็ยังไม่รู้จะทำกันอย่างไร ในเมื่อการรถไฟฯก็ปฏิเสธมาแล้วว่าไม่ประสงค์จะรับการถ่ายโอน” ผบก.รฟ. กล่าว
นอกจากนี้คณะกรรมการชุดดังกล่าวยังระบุอีกด้วยว่า จะให้เกลี่ยกำลังพลของตำรวจรถไฟไปยังตำรวจภูธรหน่วยต่างๆ ที่กำลังพลขาดแคลน ทำให้ทุกคนก็รู้สึกขาดขวัญกำลังใจ บางคนตลอดชีวิตรับราชการก็อยู่ที่ตำรวจรถไฟมาตลอด
หากจะต้องมาถูกโยกย้ายแบบนี้ ผู้ที่เดือดร้อนไม่ใช่แค่ตัวเองเท่านั้น แต่รวมไปถึงบุคคลในครอบครัว ลูก-เมีย ที่จะทำกันอย่างไรต่อไป หากต้องถูกโยกย้ายโดยที่ไม่มีความสมัครใจ
อย่างไรก็ตามหากว่าจะเป็นไปตามมติของคณะกรรมการ ปฏิรูปจริงๆ ก็หวังว่าปัญหาต่างๆ เหล่านี้ก็ควรที่จะได้รับการเยียวยาด้วย
อีกหนึ่งเสียงของผู้ปฏิบัติงาน ที่คณะกรรมการปฏิรูปตำรวจควรจะต้องรับฟังหรือไม่ หากมุ่งหวังสร้างสรรค์สิ่งที่ดีงามให้ประเทศชาติ
อ่านต่อ: