ปิดคดี!อ้างป.ป.ส.อุ้ม-ฆ่า อำมหิตมัดต้นไม้ทุบดับ คู่หูทมิฬรับ-ว้าแดงจ้าง
กฤษณะ เชิญธงไชย – สำราญ แสงสงค์ – เรื่อง/ภาพ
เมื่อปลายเดือนกันยายน เกิดเหตุการณ์สยองขวัญในพื้นที่ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เมื่อมีผู้พบศพนายอาแล ลีวัวะ อายุ 36 ปีถูกฆ่าตายอย่างอำมหิต สภาพศพถูกสวมกุญแจมือมัดไว้กับต้นไม้แล้วใช้ก้อนหินทุบจนตาย ทิ้งศพไว้บริเวณสวนป่า บ้านป่าบงงาม หมู่ 11 ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
ที่น่าตกใจคือจากคำให้การของภรรยาผู้ตายที่ว่า ผู้ก่อเหตุอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ป.ป.ส. มาพาตัวสามีหายไป ก่อนจะพบเป็นศพ ทำเอาหน่วยงานที่ถูกพาดพิงต่างออกมาปฏิเสธกันวุ่นวาย
หลังเกิดเหตุ ตำรวจภูธรภาค 5 ระดมกำลังสืบสวนคลี่คลายคดี จนในที่สุดก็สามารถคลี่คลายปมสังหารพร้อมจับกุมคนร้ายมาได้
ย้อนไปเมื่อวันที่ 27 ก.ย. พ.ต.อ.ฤกษชัย แสงสว่าง ผกก.สภ.นาหวาย จ.เชียงใหม่ รับแจ้งพบศพ ชายถูกสวมกุญแจมือมัดไว้กับต้นไม้ แล้วใช้ก้อนหินทุบจนตาย บริเวณสวนป่า บ้านป่าบงงาม หมู่ 11 ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ จึงประสานแพทย์ ร.พ.เชียงดาว แล้วรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ บุญประสิทธิ์ รองผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ตำรวจฝ่ายสืบสวน เจ้าหน้าที่ทหาร และฝ่ายปกครอง
ที่เกิดเหตุพบ นายทวีโชค แซ่ย่าง ผู้ใหญ่บ้านป่าบงงาม พร้อมชาวบ้านและครอบครัวผู้ตาย พาไปชี้จุดพบศพ นายอาแล ลีวัวะ อายุ 36 ปี ที่สภาพศพถูกสวมกุญแจมือแล้วมัดติดกับต้นไม้ มีบาดแผลถูกของแข็งทุบเข้าบริเวณใบหน้า ส่วนบริเวณลำตัวมีร่องรอยถูกทำร้าย
จากการสอบสวนญาติ ให้การว่าผู้ตายขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านไปทำสวนช่วงบ่าย จนกระทั่งเย็นภรรยาไม่เห็นสามีกลับมาจึงไปตามหา แล้วพบสามีอยู่กับชาย 2 คนไว้ผมรองทรง มีอาวุธปืน อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติด พูดภาษาสำเนียงภาคกลางบอกว่า “ไม่ต้องเข้ามาอย่ามายุ่ง ให้ไปไกลๆ”
ขณะที่สามีก็บอกว่า “ไม่ต้องห่วง ไปรออยู่ที่กระต๊อบด้านล่าง แค่เป็นการจับผิดตัว” ภรรยาจึงทำตามที่สามีบอก แต่จนเวลาผ่านไปนานหลายชั่วโมง ก็ไม่เห็นกลับมาภรรยาเป็นห่วงสามีจึงพาญาติๆ เข้ามาในสวนป่า จนกระทั่งพบสามีถูกทำร้ายเสียชีวิตไปแล้ว
ด้านพ.ต.อ.ฤกษ์ชัยเปิดเผยว่า คดีนี้ถือเป็นคดีสะเทือนขวัญอย่างมาก เจ้าหน้าที่ได้เร่งรัดสืบสวนคดี ตามพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ เพื่อหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีให้ได้ ส่วนกรณีที่คนร้ายอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐนั้น ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะหากจะทำจริง คงไม่มีเจ้าหน้าที่หน่วยไหนยอมบอกชื่อหน่วยงานของตัวเอง แล้วใช้กุญแจล็อกข้อมือ เพื่อประจานการกระทำของตัวเอง
“และขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ต้องตัดผมสั้นเกรียน ไม่มีการไว้ผมยาวหรือรองทรงเด็ดขาด ซึ่งอาจจะเป็นความต้องการของขบวนการค้ายาเสพติด ที่ต้องการให้คนในพื้นที่เข้าใจผิด และเกลียดชังไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่เข้าพื้นที่ คดีนี้คนร้ายมีอาวุธปืนแต่ไม่ใช้อาวุธปืนยิง กลับใช้หินทุบทำร้ายผู้เสียชีวิตจนถึงแก่ความตาย น่าเชื่อว่าน่าจะเป็นการโกรธแค้นผู้ตายอย่างหนัก จึงทำร้ายจนตายแทนการใช้อาวุธ และที่สำคัญบริเวณนี้เป็นจุดที่มีการตรวจยึดยาเสพติดรายใหญ่ๆได้ 4 ครั้งแล้ว” พ.ต.อ.ฤกษ์ชัยกล่าว
กระทั่งวันที่ 11 ต.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ต.มนตรี สัมบุณณานนท์ รรท.ผบช.ภาค 5 พล.ต.ต.ภาณุเดช บุญเรือง รอง ผบช.ภาค 5 ก็ร่วมกันแถลงจับกุม นายสุทัศน์ จันทวงค์ และ นายฉลอง สมเพชร พร้อมของกลาง รถกระบะฟอร์ด ทะเบียน ผค-6735 เชียงใหม่ รถกระบะฟอร์ด ทะเบียน บร 8435 พระนครศรีอยุธยา โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง
พล.ต.ต.มนตรีเปิดเผยว่า หลังเกิดคดีฆาตกรรม ตำรวจชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.เชียงใหม่ ร่วมกับชุดสืบสวน สภ.นาหวาย สืบสวนหาเบาะแส และตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด จนพบรถต้องสงสัย คือรถกระบะฟอร์ด สีเทา ที่มีนายสุทัศน์เป็นเจ้าของ และมีประวัติเคยถูกจับคดียาเสพติดและฆ่าคนตาย พ้นโทษออกมาเมื่อปี 2556 จึงนำตัวมา สอบสวนจนยอมรับสารภาพ ว่าร่วมกับนายฉลองและพวกที่ยังหลบหนีลงมือก่อเหตุ
“นายสุทัศน์รับสารภาพว่า กลุ่มว้าแดงจ้าง 5 แสนบาท ให้ไปจับตัวหรืออุ้มนายอาแล ไปให้กลุ่มว้าแดง จึงติดต่อนายฉลอง ซึ่งเคยจำคุกอยู่ด้วยกันมาร่วมงาน คดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ ผู้ต้องหารับจ้างจากขบวนการค้ายาเสพติด กลุ่มว้าแดง เชื่อว่าน่าจะมาทวงหนี้ค่ายาเสพติด หรือเค้นเอาข้อมูลจากผู้ตายก่อนจะฆ่าทิ้ง โดยพฤติกรรมของคนร้าย มักจะอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อเบี่ยงเบนประเด็นทางคดี ส่วนผู้ตายมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เคยถูกตรวจค้นบ้านและยึดทองคำแท่งได้มากกว่า 50 บาท ทั้งที่ไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง นอกจากนี้ยังเตรียมออกหมายจับ นายพงษ์ชัย เพ็ชรน้อย รวมทั้งชายอีก 4 คนที่ร่วมก่อเหตุด้วย ส่วนผู้ว่าจ้างอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน” พล.ต.ต.มนตรีกล่าว
ขณะที่ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมนายพงษ์ชัย ได้ขณะหนีมาทำงานก่อสร้าง ที่ย่านสรงประภา กทม. แม้นผู้ก่อเหตุไม่ใช่เจ้าหน้าที่ป.ป.ส. แต่ปมเหตุก็หนีไม่พ้นเรื่องยาเสพติดอีกจนได้
