เรื่อง/ภาพ โดย..อดิศร จิตตเสวี

สดจากสนามข่าว : เปิดแผนตร.ซุ่มจับคาวัด แก๊งจีนฉกเงินตู้บริจาค เหล็กติดกาวหย่อนดูด– วัดวาอารามที่มีอยู่ทั่วประเทศ กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ด้วยความงดงามซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของศิลปะที่หาชมได้เฉพาะในเมืองไทย ทั้งวัดใหม่ วัดเก่าโบราณมากมาย จึงสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ให้มาชื่นชมปีละหลายล้านคน

ในทางกลับกัน ยังคงมีนักท่องเที่ยวที่หาช่องทางในการเข้าไปในวัด เพื่อจะขโมยสิ่งของต่างๆ ชนิดไม่เกรงกลัวบาปกรรม ขโมยเงินข้าวของในวัด ไม่เว้นแม้กระทั่งเงินที่ชาวบ้านนำไปหยอดตามตู้บริจาคต่างๆ

จนมุมพร้อมของกลาง

ล่าสุด เหตุเกิดที่วัดกระทุ่มเสือปลา ในซอยอ่อนนุช 67 แขวง-เขตประเวศ ซึ่งถือว่าเป็นวัดดังแถวย่านอ่อนนุชเลยก็ว่าได้ มีนักท่องเที่ยวเข้ามาแต่ละวันเป็นจำนวนมาก

พ.ต.ท.กิติพงษ์ สิมมาลี รองผกก.ป. สน.ประเวศ ได้รับการประสานจาก นายธนพจน์ สุขสถาพรสกุล ผู้รับมอบอำนาจจากเจ้าอาวาสวัดกระทุ่มเสือปลา ว่าตู้บริจาคที่วางอยู่จำนวนหลายตู้ในวัด มียอดเงินจากการบริจาคที่ลดน้อยลงจำนวนหลายหมื่นบาท ทั้งที่มีนักท่องเที่ยวชาวไทย-ชาวต่างชาติ (ชาวจีน) เข้ามาเป็นจำนวนมาก

โดยเฉพาะในศาลาเจ้าพ่อเสือ ที่ถือว่าเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวเข้าสักการะเป็นจำนวนมาก จะมีตู้บริจาคจำนวนหลายตู้ ยอดเงินได้ลดลงไปมาก อีกทั้งเห็นความผิดปกติ คือจะมีเศษเหรียญหล่นอยู่ข้างตู้ จึงคาดว่ามีคนเข้ามาขโมยเงินในตู้บริจาค แต่เนื่องจากจุดดังกล่าวไม่มีกล้องวงจรปิดจึงไม่สามารถจะตรวจสอบได้ว่าเกิด จากสาเหตุใด

หลังรับแจ้งพ.ต.ท.กิติพงษ์ จึงร่วมกับร.ต.อ.วันชัย สืบเชื้อ ร.ต.ท.เพชรทอง กันยาประสิทธิ์ รอง สวป. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ออกซุ่มโป่งคอยจับตาดูความผิดปกติภายในศาลาเจ้าพ่อเสือ

ตํารวจซุ่มโป่งเป็นลูกศิษย์วัดอยู่นานอยู่หลายวัน กระทั่งเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 22 ต.ค. ก็พบเห็นชาวจีน 2 คน ขับเก๋งรถยนต์โตโยต้า วีออส สีขาว ทะเบียน กล 9275 ภูเก็ต เข้ามาที่ในวัด ก่อนทั้งคู่จะเดินสำรวจบริเวณโดยรอบของวัด และเดินมาที่ศาลเจ้าพ่อเสือ

คนแรกเดินไปเดินมา ลักษณะพิรุธ ไม่เหมือนบุคคลทั่วไปที่จะเข้ามาทำบุญ เดินสำรวจดูกล้องวงจรปิดและผู้คนบริเวณนั้น ทันทีที่ปลอดคนก็ได้ส่งสัญญาณให้ชายอีกคนเดินเข้ามาในศาลเจ้าพ่อเสือ

ศาลเจ้าพ่อเสือ..ที่เกิดเหตุ

คนร้ายเดินตรงมาที่ตู้รับบริจาค จากนั้นนำแผ่นเหล็กยาวประมาณ 1 คืบสังเกตเห็นว่า มีเทปกาว 2 หน้า พันอยู่ตรงปลาย ขณะที่ปลายอีกด้านคล้องด้วยเชือกสีดำ ก่อนจะหย่อนแผ่นเหล็กลงไปในตู้บริจาค ใช้เวลาไม่ถึง 5 วินาที พอดึงขึ้นมาก็มีแบงก์ 100 แบงก์ 20 ที่อยู่ในตู้บริจาคติดขึ้นมากับแผ่นเหล็กเป็นจำนวนมาก

คนร้ายลงมืออย่างใจเย็นแกะแบงก์ออกจากแผ่นเหล็ก และเอาเงินใส่ในกระเป๋าสะพายอยู่หลายครั้ง โดยไม่ทันระวังว่ามีสายตาของเจ้าหน้าที่ซุ่มแอบดูอยู่

เมื่อแน่ใจว่าไม่พลาดแน่ พ.ต.ท.กิติพงษ์ส่งสัญญาณให้ลูกน้องเข้าตะครุบตัวทั้งคู่เอาไว้ได้

แม้จะโวยวายเสียงดังในครั้งแรก แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ค้นเจอของกลาง ทั้งอุปกรณ์ที่ใช้ก่อเหตุ และเงินสดเป็นแบงก์ 100 แบงก์ 20 เศษเหรียญห้าบาท เหรียญบาท รวมจำนวน 892 บาท ที่อยู่ภายในกระเป๋าสะพาย ทั้งคู่ก็ถึงกับหน้าซีด

ตร.แสดงวิธีลงมือฉก

พ.ต.ท.กิติพงษ์ รายงานเหตุให้ พ.ต.อ.อลงกรณ์ ศรีสงคราม ผกก.สน.ประเวศ ทราบ พร้อมประสานงานล่ามชาวจีน ร่วมสอบสวน เบื้องต้นทราบชื่อคนที่คอยดูต้นทางคือ นายมู่ โย้ปิง อายุ 37 ปี สัญชาติจีน ขณะที่ผู้ที่ลงมือลักเงินชื่อ นายเฉิน เส้าจุง อายุ 39 ปี สัญชาติจีน

นายมู่ โย้ปิง และนายเฉิน เส้าจุง

ทั้งคู่อ้างว่า มาในฐานะนักท่องเที่ยวมาจากเมืองเซี่ยงไฮ้ เมื่อวานนี้และเข้าพักแถวเยาวราช กระทั่ง เช้าได้นั่งแท็กซี่มาไหว้พระวัดกระทุ่ม เสือปลา เนื่องจากมีเพื่อนชาวจีนบอกว่า ถ้าเมืองไทยให้มาเที่ยวที่วัดนี้ เพราะเป็นวัดที่สวย มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สามารถขอพรอะไรได้สมความปรารถนา แต่ปฏิเสธที่จะตอบคำถามเรื่องการขโมย

แต่ก็ไม่รอดเพราะตำรวจเจอกุญแจรถยนต์โตโย ต้าที่ทั้งคู่ขับมา เมื่อรวมกับพฤติกรรมของคนร้ายและหลักฐานที่พบ จึงแจ้งข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์” ก่อนส่งตัวดำเนินคดี

รถเก๋งที่คนร้ายใช้

ขณะที่เมื่อตรวจสอบย้อนไป พบว่าวัดสังฆทาน จังหวัดนนทบุรี เมื่อราวหนึ่งเดือนก่อนตำรวจสภ.บางศรีเมือง จ.นนทบุรี ได้จับผู้ต้องหาชาวจีนที่ขโมยเงินในตู้บริจาคของวัดสังฆทาน โดยใช้แผ่นเหล็กติดกาวสองหน้าหย่อนลงไปในตู้บริจาคให้เหรียญและธนบัตรติดขึ้นมา ได้เงินทำบุญไปกว่า 3 หมื่นบาท โดยกล้องวงจรปิดภายในอุโบสถวัด ดังกล่าว บันทึกภาพเอาไว้ได้ซึ่งเป็นวิธีการเดียวกันกับคนร้ายรายนี้

เชื่อว่าน่าจะมากันเป็นแก๊ง และตระเวนก่อเหตุมาแล้วบ่อยครั้งในหลายวัด จึงฝากประชาสัมพันธ์ให้วัดใดที่เคยพบเห็นชาวต่างชาติ 2 คน ให้มาติดต่อที่ สน.ประเวศ เพื่ออายัดตัวไว้ดำเนินคดีเพิ่มเติม

พ.ต.ท.กิติพงษ์กล่าวทิ้งท้ายว่า วิธีการลักทรัพย์แบบนี้ไม่เคยพบมาก่อน เพิ่งเห็นเป็นครั้งแรกในพื้นที่ จึงอยากเตือนสถานที่ที่มีตู้บริจาคให้ระวังมิจฉาชีพที่มาในรูปแบบต่างๆ ต้องคอยสังเกต สิ่งผิดปกติ และบุคคลที่มีลักษณะต้องสงสัย เพื่อป้องกันคนร้ายมีโอกาสลงมือก่อเหตุ