คำสารภาพหนุ่มสงขลา บุกเดี่ยว-ชิงทอง2แสน ไม่ได้ขัดสน-แค่ชั่ววูบ
คำสารภาพหนุ่มสงขลา บุกเดี่ยว-ชิงทอง2แสน ไม่ได้ขัดสน-แค่ชั่ววูบ – “ผมขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจทำ หลังทำแล้วก็ยังไม่รู้เลยว่าจะเอาเงินไปทำอะไร เงินทองก็ไม่ขัดสน เพราะทำงานเป็นช่างสี เป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ”
คำสารภาพผิดที่พูดกับสาวเจ้าของร้านทองของ นายเพิ่มพร เปี่ยมศักดิ์ อายุ 33 ปี ชาวสงขลา ขณะเจ้าหน้าที่คุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังถูกจับตัวได้ เพราะก่อเหตุบุกเดี่ยวชิงสร้อยทองรูปพรรณมูลค่าเกือบ 2 แสนบาท
คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 23 ต.ค.ที่ผ่านมา พ.ต.อ.กิตติชัย สังขถาวร ผกก.สภ.หาดใหญ่ รับแจ้งเหตุคนร้ายชิงทรัพย์ภายในห้างทองรัตนมณี ย่านตลาดคลองเตย เขตเทศบาลเมืองคอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์เปิดเป็นร้านจำหน่ายทองคำรูปพรรณ บริเวณประตูหน้าร้านพบกระจกประตูแตกกระจายเกลื่อน พนักงานในร้าน 2-3 คนยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ
สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุมีชายสวมเสื้อยืดคอกลมสีแดง นุ่งกางเกงยีนส์ สวมหมวกแก๊ปและแว่นตาดำอำพรางใบหน้า สะพายกระเป๋าลายตาหมากรุกสีเหลือง เข้ามาขอเลือกซื้อสร้อยคอทองคำ
พนักงานได้บอกให้ชายคนดังกล่าวถอดหมวกและแว่นกันแดด แต่ชายคนดังกล่าวเพียงปลดแว่นกันแดดออกเท่านั้น
หลังจากชายคนดังกล่าวขอสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 3 บาทไปเลือกดู 3 เส้น และทำทีเป็นพูดคุยโทรศัพท์อยู่ 2 รอบ จู่ๆ ก็คว้าสร้อยใส่ประเป๋าที่สะพายมา แล้ววิ่งออกหน้าร้าน
แม้ประตูร้านเป็นระบบปิดล็อกอัตโนมัติ แต่คนร้ายใช้แรงกระชากจนกระจกประตูแตกกระจาย แล้ววิ่งไปขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปทางถนนสายคลองเตย-คลองเปล แม้ เจ้าหน้าที่จะพยายามวิทยุสกัดจับแต่ไร้วี่แวว เนื่องจากเส้นทางสายดังกล่าวเป็นลักษณะใยแมงมุมเชื่อมโยงกันสามารถทะลุไปออกได้หลายจุด
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในร้านที่เกิดเหตุ พบว่าบันทึกรูปพรรณคนร้ายไว้ได้อย่างชัดเจน นอกจากนั้นยังตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่าจะใช้ หลบหนี
กระทั่งได้ภาพคนร้ายพร้อมยานพาหนะที่ใช้ก่อเหตุ เป็นรถจักรยานยนต์ฮอนด้า สกูปี้ ไอ สีแดง หมายเลขทะเบียน 1 กฎ 5451 สงขลา จึงกระจายรูปพรรณคนร้ายและรถที่ใช้ก่อเหตุให้ตำรวจในท้องที่ข้างเคียงช่วยสืบหาเบาะแส
เพียงแค่ 3 วันเท่านั้น พ.ต.ท.ธนวัต เส้งสุย รอง ผกก.สส.สภ.หาดใหญ่ ก็นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนบุกเข้าจับกุมนายเพิ่มพรได้คาบ้านพักในย่าน ต.ทุ่งใหญ่ อ.หาดใหญ่ พร้อมสร้อยคอทองคำรูปพรรณของกลางน้ำหนัก 3 บาท 1 เส้น เงินสดอีก 15,000 บาท รถจักรยานยนต์ที่ใช้เป็นพาหนะ และเสื้อผ้าชุดที่สวมก่อเหตุ ควบคุมตัวไปสอบสวนที่ สภ.หาดใหญ่
สืบเนื่องจากพ.ต.ท.ธนวัตได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สภ.เมืองยะลา ว่าได้รับแจ้งว่ามีคนนำสร้อยทองรูปพรรณตระเวนขายตามร้านทองในเมืองยะลา จึงไปตรวจสอบ
กระทั่งพบว่ารูปพรรณตรงกับคนร้าย จึงสืบสวนกระทั่งทราบแน่ชัดว่าคือนายเพิ่มพร จึงรวบรวมหลักฐานขออนุมัติหมายจับจากศาล ก่อนเข้าจับกุมตัวได้ในที่สุด
สอบสวนนายเพิ่มพรให้การรับสารภาพว่า เป็นคนร้ายที่ก่อเหตุจริง แต่อ้างว่าทำลงไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ไม่ได้วางแผนก่อเหตุมาก่อน หลังจากได้ทองมาแล้วก็ตระเวนขายตามร้านทองต่างๆ ทั้งในสงขลา และจังหวัดต่างๆ ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
แต่ไม่มีที่ไหนรับซื้อ จึงเอาไปจำนำกับเพื่อน 1 เส้น นำเงินไปใช้จ่ายเหลือเพียงแค่ 15,000 บาท ส่วนอีกเส้นนำไปจ่ายเป็นค่ายาเสพติดที่ติดค้างพ่อค้ายาในพื้นที่ไว้
แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อในคำให้การของผู้ต้องหา เนื่องจากตรวจพบว่าเคยต้องโทษคดีลักทรัพย์ในพื้นที่ อ.เมืองสงขลา เมื่อปี 2558 เพิ่งพ้นโทษออกมาจากเรือนจำมาได้ไม่นาน และในวันก่อเหตุก็ไม่มีเงินติดตัวเลยสักบาทเดียว
เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไปตามอายัดสร้อยคอทองคำที่เหลือ และนำไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในวันที่ 29 ต.ค. เพื่อเป็นหลักฐานประกอบสำนวนคดี ก่อนนำตัวส่งฝากขังต่อศาล
คราวนี้คงต้องกลับเข้าไปใช้ชีวิตในคุกอีกครั้งเป็นเวลานาน เพราะไม่รู้จักหลาบจำหวนกลับมากระทำผิดซ้ำอีก ทั้งที่เพิ่งพ้นโทษมาไม่เท่าไหร่
อ่านประเด็นร้อนอื่นๆ
- FootNote : กระบวน แปรรูป จัดแถว ภายใน พรรคตระกูลเพื่อ
- คอลัมน์ ‘ออกจากกรอบ’ : เพราะ สถานการณ์ยากลำบาก ไม่ใช่ตัวแปรที่ทำให้เราไม่มีความสุข