ย้อนรอยคดี‘ป้าทุบรถ’ ถูกละเมิดจนต้องฮึดสู้ ลามถึงปิดตลาด5แห่ง ศาลสั่งคุกสาวจอดขวาง

ย้อนรอยคดี‘ป้าทุบรถ’ ถูกละเมิดจนต้องฮึดสู้ ลามถึงปิดตลาด5แห่ง ศาลสั่งคุกสาวจอดขวาง – ขึ้นชั้นเป็นคดีใหญ่แห่งปี 2561

สำหรับกรณี 2 ป้าทุบรถที่จอดขวางหน้าบ้าน เพื่อลงไปซื้อของในตลาดย่านสวนหลวง

ย้อนรอยคดี‘ป้าทุบรถ’

หน้าบ้านที่เกิดเหตุ

แต่แทนที่จะใส่เกียร์ว่าง เพื่อให้สามารถขยับเขยื้อนรถได้ กลับเข้าเกียร์ไว้ เพราะเหตุผลว่าไม่อยากให้ใครมาเลื่อนรถของ ตัวเอง

 

สุดท้ายก็ต้องเจอกับทั้งเสียมและขวาน กระหน่ำทุบตีรถจนพังเสียหาย

ถูกถ่ายคลิปเผยแพร่ทางโซเชี่ยลจนสร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง

ครั้งแรกสังคมก็ก่นประณามป้าเจ้าของบ้านว่าทำรุนแรงเกินกว่าเหตุ

แต่เมื่อมารับทราบถึงความทุกข์ของเจ้าของบ้านที่ต้องทนอยู่ร่วมกับตลาดทั้ง 5 แห่งมานานนับสิบปี

ทั้งเสียง ขยะ การจอดรถขวางทาง และนานานัปการ

แถมทั้งหมดไม่มีใบอนุญาต เปรียบเสมือนเป็นตลาดเถื่อน

 

คดีก็เริ่มพลิก จนกลายเป็นคำถามว่าทำไมเจ้าหน้าที่รัฐที่รับผิดชอบถึงปล่อยปละละเลยให้เกิดเรื่องเช่นนี้ได้

ในที่สุดตลาดทั้ง 5 แห่งก็ต้องถูก เลิกขาย

ส่วนคดีจอดรถขวางก็มีคำพิพากษาออกมา ส่วนเรื่องที่ทุบรถทำลายทรัพย์สิน ยังอยู่ในชั้นศาล

เรียกว่าทุบรถครั้งเดียว สะเทือนกันไปทั้งบาง

●ย้อนนาที‘ป้าทุบรถ’

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงสายของวันอาทิตย์ที่ 18 ก.พ. ใกล้กับตลาดนัดในหมู่บ้านเสรีวิลล่า แขวงหนองบอน เขตประเวศ กทม. เมื่อ น.ส.รชนิกร เลิศวาสนา อายุ 37 ปี ขับรถปิกอัพนิสสัน รุ่นนาวาร่า สีขาว ทะเบียน ฎค 9297 กทม. จอดหน้าประตูบ้านเลขที่ 37/208 ก่อนลงจากรถไปซื้อของในตลาดนัด

ขณะนั้นก็มีคนกำลังจะออกจากบ้านไปธุระ แต่ไปไม่ได้ ทำให้เจ้าของรถบีบแตรไล่ดังสนั่น ส่งผลให้คนที่เดินจับจ่ายซื้อของอยู่ที่ตลาดต่างหันมาให้ความสนใจ

และแล้วเหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อป้าเจ้าของบ้าน คว้าขวานเข้ามาจามไปที่กระจกรถ ส่วนป้าอีกคนก็เอาเสียมมาทุบลงที่กระโปรงหน้ารถและกันชน สร้างความตื่นตะลึงให้กับผู้พบเห็น

เวลาผ่านไปอีกหลายนาที เจ้าของรถที่เพิ่งช็อปปิ้งสินค้ากลับมาเรียบร้อยก็มาถึงรถ

ย้อนรอยคดี‘ป้าทุบรถ’

นาทีรำขวาน

กลายเป็นคดีแจ้งความกันทั้ง 2 ฝ่าย โดยมีตำรวจสน.ประเวศเป็นผู้รับเรื่อง โดยฝ่ายเจ้าของรถแจ้งความข้อหา ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ มีโทษจำคุก 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 พันบาท ส่วนการจอดขวางบ้านคนอื่น เป็นข้อหาก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญ โทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1 พันบาท

ขณะที่น.ส.รชนิกรระบุว่า ขับรถมาจากมหาชัยมาหาเพื่อน แล้วก็ขับรถมาตั้งใจจะไปซื้อของที่ตลาด แต่ไม่มีที่จอดรถ พยายามหาที่จอดรถข้างถนน จนมาเจอที่จอดดังกล่าวอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง คิดว่าเป็นบ้านร้างที่ถูกบังคับคดี เพราะติดป้ายไว้เยอะแยะ มีลวดสะลิงล็อกกุญแจ แต่ไม่ได้อ่านว่าป้ายเขียนอะไรบ้างเพราะเยอะ

เมื่อจอดแล้วก็ล็อกเกียร์ เพราะเป็นความเคยชิน จะได้ไม่มีใครมาเข็นหรือเคลื่อนรถเราได้ ยอมรับว่าผิดที่จอดขวางทางเข้าออกบ้านคนอื่น แต่ก็ไม่ควรจะทำแบบนี้กับรถเรา

เป็นคำชี้แจงของคนที่จอดรถขวาง

●แจงยิบ-สุดทนมา10 ปี

ขณะที่ น.ส.บุญศรี แสงหยกตระการ ที่ขับรถออกจากบ้านไม่ได้แล้วบีบแตรเรียก น.ส.รัตนฉัตร แสงหยกตระการ อายุ 67 ปี ซึ่งเป็นผู้ใช้เสียมตีหน้ากระจกรถ และ น.ส.มณีรัตน์ แสงภัทรโชติ อายุ 61 ปี ที่ใช้ขวานจามรถ ตั้งโต๊ะแถลงที่บ้านหลัง เกิดเหตุ

ย้อนรอยคดี‘ป้าทุบรถ’

ป้าแถลงทุบรถ

น.ส.บุญศรีเปิดเผยว่า วันเกิดเหตุพยายามเลื่อนรถที่จอดขวาง บีบแตร โทร.แจ้งความแล้ว แต่ก็ไม่มีใครมา หลังเกิดเหตุสอบถามคนขับรถกระบะ เขาบอกว่าได้ยินเสียงแตรแล้ว แต่ยังซื้อของไม่เสร็จ เมื่อมาถึงก็เอาของใส่รถ แล้วยังยืนอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง

ยืนยันไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุ เราต้องปกป้องสิทธิของตัวเอง ถ้าเป็นบ้านคุณ จะทำอย่างนี้เหรอ ที่ผ่านมาตลอด 10 ปี เราต่อสู้กับอำนาจมืด เรามาอยู่ในพื้นที่จัดสรรเพื่ออยู่อาศัย เดิมซื้อที่ดินนี้ ไม่มีตลาด แต่ต่อมามีตลาดทั้งซ้ายขวา มีเต็นท์โครงเหล็กขนาดใหญ่ ฝนตกน้ำก็เทเข้าบ้าน

ผู้ว่าฯกทม.ในขณะนั้น ออกใบอนุญาตให้ ทั้งที่มีคำสั่งคุ้มครองจากศาล แล้วยังละเลยปล่อยให้มีตลาดขยายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้านหน้า ด้านข้างเป็นตลาด ด้านหลังเป็นที่จอดรถ เกิดมลพิษทางเสียง ควันรถ เดือดร้อนตลอดเวลา ไม่เคยคำนึงถึงความเดือดร้อนของผู้อยู่อาศัย

ส่วนที่ต้องเอาสะลิงมาขวาง เพราะมีรถมาขนถ่ายสินค้าหน้าประตูบ้าน รถขนของหนักๆ ทำให้ประตูพัง

ความเดือดร้อนก็มีก่อนนี้ คุณแม่ไม่สบาย เป็นโรคปอด ต้องเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาล แต่รถออกไม่ได้ ต้องไปนอนโรงพยาบาล จนเสียชีวิต เพื่อนบ้าน พ่อไม่สบาย ก็ออกจากบ้านไม่ได้ เพื่อนบ้านอีกคน ตกบันไดขาหัก รถพยาบาลเข้าไม่ได้ ต้องลงไปกราบถนนเพื่อขอร้องก็เคยมาแล้ว

นอกจากนี้ ยังมีปัญหาทั้งเรื่องค่าไฟที่สูงขึ้นอย่างน่าตกใจ พักผ่อนก็ไม่ได้พัก ต้องเผชิญกับปัญหาขยะที่เอามากองหน้าบ้าน หนู เลขที่บ้านก็ถูกคนในตลาดนำไปใช้ วันดีคืนดีมีธนาคารส่งเอกสารมาให้ รู้สึกถูกคุกคาม อยู่แบบจิตตก

พร้อมตั้งคำถามถึงกทม. และเขตประเวศ ว่าทำไมถึงปล่อยให้มีตลาดมาอยู่ในย่านที่พักอาศัย แม้ศาลปกครองจะมีคำสั่งคุ้มครองแล้วก็ตาม

ขยะใต้พรมก็ต้องถูกคุ้ยออกมา!!

●ลามปิดตลาด-ฟันวินัย

หลังเรื่องฉาวเกิดขึ้น พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. พร้อมนายธนะสิทธิ์ เมธพันธ์เมือง ผอ.เขตประเวศ เข้าตรวจสอบบ้านที่เกิดเหตุ และตลาดที่อยู่ใกล้เคียง 5 แห่ง ประกอบด้วยตลาดสวนหลวง ตลาดเปิ้ลมาร์เก็ต ตลาดยิ่งนรา ตลาดรุ่งวาณิชย์ และตลาดร่มเหลือง

ย้อนรอยคดี‘ป้าทุบรถ’

ตลาดถูกปิด

พบว่าตลาดสวนหลวงขออนุญาตก่อสร้างอาคาร แต่ไม่ได้ขออนุญาตตั้งตลาด ตลาดเปิ้ลมาร์เก็ต และตลาดยิ่งนรา ขออนุญาตก่อสร้างเชิงพาณิชย์ แต่ไม่ได้ขอตั้งตลาด และตลาดร่มเหลือง ไม่มีการขออนุญาตก่อสร้างอาคาร และจัดตั้งตลาด ซึ่งถือว่าผิดกฎหมาย

จึงสั่งปิดตลาดตามวันและเวลาที่กำหนด

ด้านนายธนะสิทธิ์เปิดเผยว่า ตลาดก่อสร้างมา 10 ปี ทางเขตแก้ไขปัญหามาตลอด ตลาด 4 แห่งขออนุญาตก่อสร้างอาคาร แต่ไม่ได้ขออนุญาตทำตลาด แล้วมีการดำเนินคดีชั้นศาล ศาลมีคำสั่งคุ้มครองหน้าบ้านและรอบบ้านคุณป้า ก็ดูแลเรื่องนี้มาตลอด

ขณะที่ป.ป.ช.ได้ตั้งกรรมการสอบสวน หากพบมีข้าราชการที่รู้เห็นเป็นใจ ประพฤติผิด หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยปละละเลยให้เกิดกรณีดังกล่าวขึ้น

ย้อนรอยคดี‘ป้าทุบรถ’

พล.ต.ต.อัศวินรุดตรวจ

ส่วนผลสอบของกทม. พบมีข้าราชการเกี่ยวข้องรวม 15 คน แบ่งเป็น 3 ฝ่าย ได้แก่ ฝ่ายโยธา 7 คน ฝ่ายรักษาความสะอาดและสิ่งแวดล้อม 4 คน และฝ่ายบริหาร คือ ผู้อำนวยการเขตและผู้ช่วยผู้อำนวยการเขต 4 คน มีความบกพร่อง ละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่

กรรมการสอบข้อเท็จจริงจึงมีมติลงความเห็น มีความผิดวินัยไม่ร้ายแรง คือว่ากล่าวตักเตือน ลดขั้นเงินเดือน และตัดเงินเดือน โทษดังกล่าวจะพิจารณาเอาผิดเป็นรายบุคคล มากน้อยไม่เท่ากัน

เรียกได้ว่าขวานที่ฟาดรถไปนั้น สะเทือนถึงทุกภาคส่วนโดยพร้อมหน้า

●ศาลสั่งคุกสาวจอดขวาง

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 26 พ.ย. ศาลจังหวัดพระโขนง อ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อ.1447/2561 ระหว่างพนักงานอัยการโจทก์ และ น.ส.รัตนฉัตร และ น.ส.มณีรัตน์ เป็นโจทก์ร่วมยื่นฟ้อง น.ส.รชนิกร เลิศวาสนา

ในความผิดฐานจอดรถกีดขวางทางเข้า-ออกอาคาร และก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญ

ทั้งนี้ ศาลพิพากษาว่า น.ส. รชนิกร มีความผิดจริงตามฟ้อง โดยศาลวินิจฉัยในประเด็นสำคัญว่า ที่อ้างว่าใช้เวลาจอดรถซื้อของเพียง 15 นาทีนั้น โจทก์ซึ่งอ้างตัวเป็นพยาน เบิกความระบุว่าจำเลยจอดรถขวางหน้าบ้าน ไม่สามารถออกได้ จึงต้องใช้เวลาบีบแตรนานถึง 30 นาที

ศาลพิจารณาเห็นว่า หากจำเลยจอดรถใช้เวลาไม่นาน โจทก์คงไม่นำเสียมและขวานมาทุบกระจกรถของจำเลย จึงเชื่อว่าจำเลยจอดรถขวาง ใช้เวลาซื้อของตามประสงค์ของตนเอง โดยไม่คำนึงถึงสิทธิของบุคคลอื่น

การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำโดยเล็งเห็นผลต่อโจทก์ร่วมทั้งสอง อันเป็นการทำให้โจทก์ร่วมทั้งสองได้รับความเดือดร้อนรำคาญบนถนนสาธารณะ ซึ่งประชาชนชอบที่จะใช้สัญจรได้

ถือว่าจำเลยได้กระทำในที่สาธารณสถาน ทั้งเป็นการจอดรถตรงปากทางเข้าออกอาคาร ในลักษณะกีดขวางการจราจร การ กระทำของจำเลยเป็นความผิดตามที่โจทก์ฟ้องตามพ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 57 (10) (15), 148 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 500 บาท

ย้อนรอยคดี‘ป้าทุบรถ’

ศาลตัดสินคดีจอดรถขวาง

นอกจากนี้ จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 397 วรรคสอง ผู้ใดกระทำด้วยประการใดๆ ต่อผู้อื่น อันเป็นการรังแก ข่มเหง คุกคาม หรือกระทำให้ได้รับความอับอายหรือเดือดร้อนรำคาญเป็นการกระทำในที่สาธารณสถาน หรือต่อหน้าธารกำนัล อันเป็นความผิดกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 397 วรรคสอง เป็นบทหนักที่สุด จำคุก 15 วัน และปรับ 5 พันบาท

แต่เห็นว่าจำเลยไม่ปรากฏเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน เห็นควรให้โอกาสจำเลยกลับตัวเป็นพลเมืองดี

โทษจำคุกให้รอกำหนดการลงโทษ 1 ปี

อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน