ย้อนคดีฆ่าพระธุดงค์ ศพหมกป่าชานกรุง ตร.ล่าจับพระรุ่นน้อง : สดจากสนามข่าว

ย้อนคดีฆ่าพระธุดงค์ – ชาวพุทธให้ความเคารพพระภิกษุ แม้นแต่เสือร้ายในอดีต ก็ยังมีความยำเกรงต่อผ้าเหลือง พากันละไว้ไม่ทำร้ายพระภิกษุ ทุกครั้งที่มีข่าวว่าพระภิกษุสงฆ์ถูกก่อเหตุฆาตกรรม จึงกลายเป็นข่าวใหญ่ตามหน้าสื่อแทบทุกสำนัก

เช่นเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 21 ม.ค. พ.ต.อ.ภูมิธัช โฆษิตวนิชพงศ์ ผกก.สน.ธรรมศาลา นำกำลังชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่พฐ. แพทย์นิติเวช ร.พ.ศิริราช เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และร.ต.อ.วรพล สายรัตน์ รอง สว.สอบสวน เข้าตรวจสอบเหตุพระภิกษุถูกฆาตกรรมในเพิงพัก กลางป่ากก ซอยข้าง บจก.บางกอกเพ้นท์ช็อป ถนนพุทธมณฑลสาย 4 แขวง และเขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ

ที่เกิดเหตุเป็นเพิงผ้าใบตั้งอยู่ในป่ากก ห่างถนนเข้าไปประมาณ 100 เมตร พบศพ พระสกล ภูมี อายุ 50 ปี (ไม่ทราบสังกัดวัด) สภาพนอนหงายอยู่ในเพิงพัก สวมอังสะ ผ้าคาดอก นุ่งสบง แต่ไม่ได้ครองผ้าจีวร มีบาดแผลถูกแทงด้วยมีดที่หน้าผาก อกข้างขวา และใกล้ไหปลาร้าขวา รวม 3 แผล

ย้อนคดีฆ่าพระธุดงค์

เก็บหลักฐาน

สันนิษฐานว่ามรณภาพมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ชั่วโมง ใกล้กันพบมีดปอกผลไม้เปื้อนเลือดยาว 5 นิ้ว และดาบยาว 71 เซนติเมตร ตกอยู่อย่างละ 1 เล่ม จึงเก็บรวบรวมรายละเอียดที่พบไว้เป็นหลักฐาน

สอบสวน นายยิ่งยศ เมืองมา อายุ 38 ปี คนงานอู่รถซึ่งพักอยู่ไม่ไกลจากเพิงพักดังกล่าว ให้การว่า เคยพูดคุยกันทราบว่า พระสกลเป็นพระเดินทางจาก จ.ศรีสะเกษ มาทำเพิงพักอยู่ในป่ากกแห่งนี้ ไม่ต่ำกว่า 2 ปีแล้ว ทราบว่าก่อนหน้านี้จะย้ายไปพักชั่วคราวไปเรื่อยๆ ตามเขตรอยต่อ จ.นครปฐม จ.สมุทรสาคร และกรุงเทพฯ

ตามปกติช่วงเช้าจะเห็นพระสกลเรียกรถแท็กซี่ มารับไปออกบิณฑบาตและกลับมาส่งในช่วงสายทุกวัน บ่อยครั้งจะเห็นลูกศิษย์คนสนิทที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน และพระกัมพูชา อีก 2 รูป ไปมาหาสู่ และนอนพักที่เพิงพักด้วยกันอยู่เสมอ

“วันดีคืนดีจะได้ยินเสียงทั้งพระและลูกศิษย์ ทะเลาะเบาะแว้งกัน เสียงคล้ายคนเมาสุรา เคยมีทำร้ายร่างกายกันจนถึงขั้นได้รับบาดเจ็บ หน่วยกู้ภัยต้องมาช่วยเหลือทำแผล แต่ผมไม่อยากยุ่ง ที่สำคัญตัวพระสกลเองยังเคยเล่าให้ฟังว่า เพื่อนที่เป็นภิกษุกัมพูชาอีก 2 รูปนั้น มีปัจจัยหรือเงินเยอะใช้โทรศัพท์ มือถือราคาแพง เครื่องละเป็นหมื่นบาท สาเหตุมาจากการที่พระภิกษุกัมพูชาคู่นี้ มีพฤติกรรมข้องเกี่ยวกับยาเสพติด ยิ่งทำให้ผมไม่อยากข้องเกี่ยวใหญ่ กระทั่งวันนี้คนขับรถแท็กซี่ขาประจำมารับพระสกลไปออกบิณฑบาตตามปกติ แต่มารออยู่นานไม่เห็น เจ้าตัวออกจากเพิงพักมาขึ้นรถเสียที จึงเดินเข้าไปตามและพบศพถูกฆ่าตายและรีบแจ้งตำรวจมาตรวจสอบ” นายยิ่งยศกล่าว

ย้อนคดีฆ่าพระธุดงค์

หลักฐานบัตรคนไข้

พ.ต.อ.ภูมิธัชกล่าวว่า จากการตรวจสอบ ในร่างกายผู้ตายไม่พบหนังสือสุทธิประจำตัวพระสงฆ์ พบแต่บัตรประจำตัวผู้ป่วย ร.พ.สงฆ์ ระบุชื่อ พระสกล ภูมี เท่านั้น หลังจากนี้จะตรวจสอบให้แน่ชัดต่อไปว่าเป็นพระจากสังกัดวัดใด บรรพชาอุปสมบทถูกต้องหรือไม่

ย้อนคดีฆ่าพระธุดงค์

สภาพที่เกิดเหตุ

ส่วนผู้ก่อเหตุนั้นจากคำให้การของพยานขณะนี้ เชื่อว่าต้องเป็นคนใกล้ชิด ซึ่งเข้าข่ายต้องสงสัยทั้งลูกศิษย์คนสนิท และเพื่อนพระภิกษุชาวกัมพูชา 2 รูป ที่เทียวไปเทียวมาหาสู่กันเป็นประจำ โดยหลังเกิดเหตุหลบหนีหายไปทั้งหมด เบื้องต้น สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนแกะรอยหาตัวแล้ว

ใช้เวลาล่าตัวอยู่ไม่กี่วัน โดยเมื่อวันที่ 25 ม.ค. พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมา ผบก.น.7 พ.ต.อ.ภูมิธัช โฆษิตวนิชพงศ์ ผกก.สน.ธรรมศาลา เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ธรรมศาลา และฝ่ายสืบสวน บก.น.7 ร่วมกันจับกุม นายประสงค์ ราญรอน อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาก่อเหตุใช้อาวุธมีดแทงพระสกลมรณภาพ ได้ที่ อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี

นายประสงค์ ให้การรับสารภาพโดยอ้างว่า ตนบวชเป็นพระมาประมาณ 3 ปี และอาศัยปักกลดอยู่ร่วมกับพระสกลในป่าดังกล่าวมากว่า 2 ปี โดยวันเกิดเหตุหลังกลับมาจากบิณฑบาตช่วงเช้า เมื่อมาถึงที่พักก็ได้มานั่งดื่มสุราด้วยกัน

ย้อนคดีฆ่าพระธุดงค์

นาทีแทงดับ

ระหว่างนั้นพระสกลขอยืมเงินแต่ตนไม่ให้ เพราะหนี้เก่าที่ติดอยู่ยังไม่จ่าย จึงทวงถามเรื่องเงินที่พระสกลเคยแอบหยิบไปจากย่ามจำนวน 1,500 บาท จนเกิดการโต้เถียงและชกต่อยกัน ระหว่างนั้นได้ใช้มีดแทงพระสกล 3 ครั้ง จนมรณภาพ จากนั้นก็ได้หลบหนีกลับบ้านเกิดที่ จ.จันทบุรี และทำพิธีสึกจากพระเอง จนกระทั่งมาถูกจับกุมตัว

พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์เปิดเผยว่า ทั้งผู้ก่อเหตุและผู้ตายเป็นพระ แต่ไม่ได้ประจำวัดไหน โดยมาทำที่พักอาศัยชั่วคราวกันเองในป่าดังกล่าว ช่วงเช้าก็จะไปเดินบิณฑบาตแล้วกลับมาที่พัก วันเกิดเหตุทั้งคู่ดื่มสุรากันจนเกิดเหตุทะเลาะวิวาท ก่อนลงมือทำร้ายจนมรณภาพ ขณะจับกุมผู้ต้องหาไม่ได้สวมจีวร เนื่องจากสึกจากการเป็นพระก่อนแล้ว

“ฝากเตือนประชาชน หากพบพระสงฆ์ที่เดินตามสถานที่ที่ไม่ใช่ทางวัด หรือมีพฤติกรรมน่าสงสัย สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ตรวจสอบได้ทันที” พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์กล่าว

ตำรวจควบคุมตัวนายประสงค์ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุ ก่อนนำตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติมและแจ้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่น” และ “พาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ” จากนั้นจะได้ส่งตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดตลิ่งชันต่อไป

อดิษัยต์ พรวนพิมพ์ …. เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน