ผ่าปฏิบัติการล่าข้ามทวีป
หนุ่มแอฟริกาฆ่าสาวไทย
เผ่นหนี–จนมุมแคนาดา
ผ่าปฏิบัติการล่าข้ามทวีปหนุ่มแอฟริกาฆ่าสาวไทย : ย้อนไปเมื่อวันที่ 24 มี.ค. พ.ต.ท.พงษ์ศักดิ์ การรัตน์ สว.เวร สอบสวน สน.ลาดพร้าว ได้รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิต ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ในซอยลาดพร้าว แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วเดินทางไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.สุพล ค้ำชู รอง ผบก.น.4 พ.ต.อ.ภาสกร ปนัดดา ผกก.สน.ลาดพร้าว แพทย์นิติเวช ร.พ.ตร. เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุภายในห้องเลขที่ 616 ชั้น 6 พบศพ น.ส.ศุษมา รื่นฤทธิ์ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 299/4 ถนนอู่ทอง ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี นอนเสียชีวิตอยู่ที่พื้นห้องข้างเตียงนอน โดยมีผ้าห่มคลุมอยู่ จากการตรวจสอบ พบบาดแผลถูกตีที่ศีรษะด้วยของแข็ง และมีคราบเลือดติดที่ผ้าปูที่นอน และที่ขอบเตียงมีเศษฝาชักโครกแตกอยู่ภายในห้อง จึงเก็บรายละเอียดที่พบไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวน นายพายุ ศรีคุง อายุ 36 ปี พนักงานต้อนรับประจำโรงแรมเปิดเผยว่า ก่อนพบศพทางแคชเชียร์ของโรงแรมแจ้งมาว่าถึงเวลาชำระค่าห้อง แต่ไม่สามารถติดต่อผู้เช่าห้องได้ จึงให้ตนพร้อมเพื่อนมาตรวจสอบ เมื่อมาเคาะประตูเรียกก็ไม่มีเสียงตอบรับ จึงไปตามนายนิก ชาวเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นเพื่อนผู้เสียชีวิตที่เช่าห้องติดกัน นำกุญแจสำรองมาเปิดดู ปรากฏพบศพผู้ตายนอนอยู่ข้างล่างที่พื้นห้องมีผ้าห่มคลุมอยู่ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ
ขณะที่จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในโรงแรม ทราบว่าผู้ตายได้มาเช็กอินเปิดห้องเข้าพักที่ห้องดังกล่าวเมื่อเวลา 21.50 น. วันที่ 23 มี.ค. แล้วได้ออกจากห้องไป รับประทานอาหารด้านนอก กระทั่งเวลา 04.00 น. วันที่ 24 มี.ค. ผู้ตายได้กลับเข้าห้อง
ต่อมาเวลาประมาณ 08.00 น. ชายชาวต่างชาติเดินมาหาผู้ตายที่ห้อง จนถึงเวลาประมาณ 08.45 น. ทางชายดังกล่าวจึงเปิดห้องออกมาแล้วเดินถอยหลังกลับมาขึ้นลิฟต์ ลักษณะท่าทางมีพิรุธ จนกระทั่งมีผู้มาพบศพผู้ตาย หลังจากนั้นก็ยังไม่มีผู้ใดเข้าออกจากห้องดังกล่าวอีกแต่อย่างใด จึงเชื่อว่าชายต่างชาติดังกล่าวน่าจะเป็นคนร้ายอย่างแน่นอน
ตำรวจสอบสวนจนทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุดังกล่าวคือ นายมิสวาคี อายุ 38 ปี สัญชาติแอฟริกาใต้ ทางเจ้าหน้าที่จึงรวบรวมพยานหลักฐาน ขอศาลอนุมัติออกหมายจับ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ป้องกันการหลบหนีออกนอกประเทศ แต่พบว่าช้าเกินไป โดยหลังก่อเหตุไม่กี่ชั่วโมง นายมิสวาคีก็เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว
ขณะที่สาเหตุตำรวจเชื่อว่าผู้ต้องหากับ ผู้ตายน่าจะมีการทำธุรกิจร่วมกันเกี่ยวกับการค้าอัญมณี ก่อนนัดมาเจรจาธุรกิจกันที่โรงแรมเกิดเหตุ แต่ถูกนายมิสวาคีฆ่าชิงทรัพย์ โดยเชื่อว่าคนร้ายน่าจะเตรียมการมาก่อเหตุ เนื่องจากหลังเกิดเหตุคนร้ายได้เดินทางหลบหนีออกนอกประเทศโดยทันที
เมื่อผู้ก่อเหตุเป็นชาวต่างชาติ งานนี้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. จึงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเต็มๆ
“บิ๊กโจ๊ก” สั่งการให้เร่งตรวจสอบจนทราบว่าผู้ก่อเหตุเดินทางออกจากเมืองไทยไปแล้ว เมื่อเวลา 16.00 น. โดยปลายทางอยู่ที่ ฮ่องกง จึงประสานพนักงานสอบสวนขอศาลอนุมัติหมายจับ ก่อนจะประสานงานไปทางฮ่องกงตามระบบอินเตอร์โพลเพื่อให้ช่วยติดตามตัว
ขณะที่ นายประพฤติ รื่นฤทธิ์ อายุ 63 ปี พ่อของ น.ส.ศุษมา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 23 มี.ค. ลูกสาวบอกว่าจะเดินทางไปส่งสินค้าเป็นพญาครุฑล้อมเพชรให้กับลูกค้าที่สั่งออร์เดอร์เข้ามา โดยลูกสาวบอกว่าจะรีบกลับมาให้ทันใช้สิทธิ์เลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค. ก่อนจะขาดการติดต่อไป กระทั่งทราบข่าวจากตำรวจว่าลูกสาวถูกฆาตกรรม
หลังทราบเรื่องตนเดินทางไปดูภาพวิดีโอจากกล้องวงจรปิดของทางโรงแรมและพบเห็นชายต้องสงสัย เป็นชายผิวดำ ตรงกับที่พนักงานโรงแรมให้ข้อมูลว่า เป็นคนที่เข้ามาหาลูกสาวของตนเป็นคนสุดท้าย ก่อนจะออกจากห้องไปในช่วงเช้าวันที่ 24 มี.ค.
“ผมและสามีของลูกสาวไม่เคยเห็นหน้าชายคนดังกล่าวมาก่อน ไม่ทราบว่าเป็นลูกค้าคนที่โทร.มาสั่งออร์เดอร์กับลูกสาวผมหรือไม่ แต่พนักงานของทางโรงแรมบอกว่า ชายคนดังกล่าวเคยมาเปิดห้องพักอยู่ในโรงแรมที่เกิดเหตุแล้วหลายครั้ง ส่วนเรื่องประเด็นการก่อเหตุนั้น ผมเชื่อว่าคนร้ายน่าจะมุ่งหวังที่ทรัพย์สินเป็นหลัก เนื่องจากในวันก่อน เกิดเหตุนั้น ลูกสาวเอาพญาครุฑฝังเพชรไปส่งให้กับลูกค้า ขณะที่มีสร้อยคอทองคำและ สร้อยข้อมือที่ใส่ติดตัวไปน้ำหนักประมาณ 10 บาท รวมถึงเงินสดอีก รวมมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 7 แสนบาท แต่หลังเกิดเหตุทั้งหมดไม่เหลืออยู่เลย” นายประพฤติกล่าว
วันที่ 26 มี.ค. พล.ต.ท.สุรเชษฐ์เผยว่า ได้รับการประสานว่าสามารถจับกุมนายมิสวาคีได้แล้ว ที่เมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา และสามารถตรวจค้นเสื้อผ้าเปื้อนเลือดที่ใช้ในวันก่อเหตุ และตรวจพบอัญมณีที่ตรงกับภาพถ่ายที่ผู้ตายได้สวมใส่ไว้ ซึ่งยืนยันได้ว่าเป็นอัญมณีที่ได้จากตัวเหยื่อไป
โดยอยู่ระหว่างประสานงานเอาตัวกลับมาลงโทษในประทศไทยและประสานส่งตัวกลับมาดำเนินคดีในไทย ในลักษณะความร่วมมือการส่งมอบผู้ต้องหา ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์
บิ๊กโจ๊กระบุว่า การจับกุมที่รวดเร็ว ภายใน 48 ชั่วโมง มาจากความร่วมมือ อย่างใกล้ชิดของตำรวจโลก ผ่านการจัดคอฟฟี่ทอล์ก เดือนละ 1 ครั้งของสำนักงาน ตรวจคนเข้าเมือง
นรินทร์ เนียมประดิษฐ์
สราวุฒิ ศรีเพ็ชรสัย
เรื่อง/ภาพ
คลิกอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง